EVme Plus (อีวี มี พลัส) ผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า (EV) บนแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในไทย นับตั้งแต่กระโดดลงมาในไลน์ธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า กับการเปิดตัว "AION ES" (ไอออน อีเอส) รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ เจาะกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ บุคคลทั่วไป และผู้ขับแท็กซี่ โดยเฉพาะ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีกับยอดสั่งซื้อกว่า 850 คันแล้ว
โดยล่าสุด EVme ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจอยากทดลองขับ AION ES สามารถมาทดลองขับกันได้แล้วตั้งแต่วันที่ 21-25 ธันวาคม 2566 ที่ Bravo BKK (หรือ Show DC เก่า)
"AION ES Model เพื่อการขนส่งสาธารณะ" เป็นรถ EV ซีดาน 4 ประตู 5 ที่นั่ง โดดเด่นในเรื่องการดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว แบบพวงมาลัยขวา เพื่อนำมาจำหน่ายในไทย และปรับโมเดลสำหรับแท็กซี่โดยเฉพาะ
สำหรับรูปโฉมภายนอกของ AION ES เป็นการนำดีไซน์ระหว่าง AION Model S และ AION Model S Plus มาปรับดีไซน์ใหม่ยกคัน ตอบโจทย์การใช้งานลูกค้ากลุ่มแท็กซี่มากที่สุด ด้วยรูปโฉมในสไตล์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ซึ่งในอนาคต AION มีแผนนำรถยนต์รุ่นดังกล่าวมาผลิตในไทยอีกด้วย
มาพร้อมชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light ส่วนด้านข้างมาพร้อมล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว คู่กับยางขนาด 215/55R17 ที่ออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ รวมไปถึงระบบเบรก ประตูบานหน้า-หลัง กว้างขวาง เข้าออกได้สะดวกสำหรับคนทุกวัย
ส่วนด้านท้าย มาพร้อมไฟท้ายแบบ LED Laser Blade พร้อมฝากระโปรงท้ายที่มีขนาดใหญ่ สามารถจุกระเป๋าเดินทาง หรือสัมภาระได้มากพอสมควร
มิติตัวรถยาว 4,810 มม. กว้าง 1,880 มม. สูง 1,545 มม. และระยะฐานล้อ 2,750 มม.
ส่วนห้องโดยสารภายในกว้างขวาง นั่งได้ 5 ที่นั่ง (รวมคนขับ) สะดวกสบายโดยเฉพาะผู้โดยสารหลัง ในส่วนของผู้โดยสารด้านหน้าและคนขับ อาจจะสังเกตได้ว่าซุ้มล้อของตัวรถค่อนข้างใหญ่หน่อย ทำให้เมื่อวางเท้าบริเวณพื้น อาจต้องเขยิบเข้ามาช่วงกึ่งกลางหน่อย รวมไปถึงพวงมาลัยไฟฟ้าแบบมัลติฟังก์ชั่น 2 ก้าน ที่เบามาก แต่จะหน่วงหน่อยหากใช้ความเร็วที่มากขึ้น
แต่เนื่องจากเป็นรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับรถสาธารณะ ออฟชั่นต่างๆ ที่ไม่จำเป็นอาจถูกตัดออก (เช่น ที่วางแขนกลางเบาะหลัง) แต่โดยรวมก็ถือว่ามีมาให้ใช้งานได้คุ้มค่าคุ้มราคา เช่น ระบบแอร์แบบ Duo Zone ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, กล้องมองภาพถอยหลัง ระบบช่วยเบรหฉุกเฉิน EBA หรือระบบป้องกันรถไหล AVH เป็นต้น
ตกแต่งด้วยโทนสีดำและเบาะหนังสีดำประหยัดพลังงาน มาพร้อมหน้าจอ Infotainment ขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องเสียง USB-A ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง รวมถึงระบบ i-Pedal รวมทั้งระบบ TCS Cruise Control ให้ทัศนวิสัยโดยรวมที่ดี กระจกมองข้างบานใหญ่ สังเกตวัตถุได้ง่าย
มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วได้สูงสุด จำกัดไว้ที่ 130 กม./ชม. สำหรับเวอร์ชั่นแท็กซี่ วิ่งได้ระยะทางไกลได้ถึง 442 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
ระยะทางนี้ อาจจะไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย ถือว่าพอเพียงกับทาง EVme Plus วิจัยมาว่ารถแท็กซี่ส่วนมากใช้งานกันประมาณ 300 กม./วัน (ซึ่งจะเพิ่มระยะทางได้ แต่ราคาก็คงเพิ่มไปด้วย) แต่การใช้งานจริง วิ่งได้ประมาณ 400 กม.+-ครับ พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Eco, Normal และ Sport
ใช้ชุดแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ขนาดความจุ 55,2 kWh รองรับการชาร์จไฟกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จไฟ 0-100% ภายใน 6 ชั่วโมง และชาร์จไฟกระแสตรง DC รองรับสูงสุด 75 กิโลวัตต์ (พอๆ กับรถ EV รุ่น Top เลยทีเดียว) ชาร์จจาก 0-80% ภายใน 40 นาที
สำหรับการทดสอบนั้น ทางทีมงานของ EVme ให้เราไปทดสอบรถกันที่ลานกว้างด้านข้างของ Bravo BKK ซึ่งทดสอบอัตราเร่งในระยะทางสั้นๆ พอที่จะทำความเร็วได้ตั้งแต่ 0 – 60 กม./ชม. ซึ่งอัตราเร่งอาจไม่ปรู๊ดปร๊าดแบบรถ EV รุ่นอื่นๆ นัก เนื่องจากออกแบบมาสำหรับใช้เป็นรถสาธารณะ
พอถึงด่านที่ต้องขับในทางช่วงขรุขระ ก็พบว่าภายในห้องโดยสารเก็บเสียงได้ค่อนข้างดี อาจจะมีอาการยวบนิดๆ เนื่องจากเซ็ทช่วงล่างมาให้ผู้โดยสารนั่งสบายเป็นหลัก ส่วนจังหวะขับในช่วงสลาลอมที่ความเร็วต่ำ 25-30 กม./ชม. และความเร็วสูงประมาณ 50 กม./ชม. พบว่ามีอาการโยนตัวบ้างแต่ไม่มาก เนื่องจากจุดศูนย์ถ่วงของแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างต่ำ
สรุปก็คือรุ่นนี้ ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานเป็นหลัก ขุมพลังก็มีมาให้พอตัว สำหรับการใช้งานในเมือง และวิ่งได้บนถนนโลกพระจันทร์ของ กทม. แบบนุ่มนวลถูกใจผู้โดยสารด้านหลังครับ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมบริการหลังการขายครบวงจร ด้วยการร่วมมือกับ FIT Auto ให้บริการซ่อมบำรุง และจับมือศูนย์บริการแท็กซี่ในท้องถิ่น ร่วมกับอู่แท็กซี่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในการให้บริการซ่อมบำรุงหนักสำหรับรถรุ่นนี้
สำหรับ AION ES มาในราคา 850,000 บาท (สำหรับลูกค้าทั่วไป) พร้อม Home Charger ฟรีค่าติดตั้ง พรมปูท้าย และกรอบป้ายทะเบียน และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 200,000 กม.
และราคา 929,900 บาท สำหรับรุ่นแท็กซี่ (จำนวนจำกัดเพียง 2,000 คัน) จะได้เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่เป็น 9 ปี หรือ 900,000 กม. รวมไปถึงประกันภัยชั้น 3 พร้อมระบบมิเตอร์
สำหรับใครที่สนใจ สามารถทดลองขับ AION ES ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 21-25 ธันวาคม 2566 ที่ Bravo BKK (หรือ Show DC เก่า) ตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น.