
BYD เร่งเพิ่มบริการหลังการขายรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาทำการตลาด ตั้งเป้าปี 68 ทำยอดขายรถได้ 50,000 คัน
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ และบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมในปี 2568 นี้ เราตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ของ BYD ไว้ที่ประมาณ 50,000 คัน ทั้งนี้ BYD ได้เร่งเพิ่มการบริการหลังการขายเพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามาในอนาคตให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงให้ทันกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเร็วๆ นี้ และเราต้องปรับปรุงทุกๆ ด้านให้ดีขึ้น
ส่วนยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในมอเตอร์โชว์ 2025 ที่ผ่านมานั้น BYD มียอดจองรถยนต์ภายในงานดังกล่าวสูงถึง 10,353 คัน ซึ่งรวมแบรนด์เดนซ่าด้วย จากนี้ทางบีวายดีจะเร่งส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ลูกค้าอย่างเร็วที่สุด จากจำนวนยอดจองทั้งหมดคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน เพราะรถยนต์ไฟฟ้าที่จองเข้ามาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในไทยทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นและจุดแข็งของแบรนด์ โดยทางทีมงานจะประสานดีลเลอร์เพื่อส่งรถให้เร็วที่สุด
"ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่า ลูกค้า BYD จะผ่านการพิจารณาของไฟแนนซ์ได้มากน้อยแค่ไหนนั้น เราเชื่อว่าลูกค้าเราจะผ่านการพิจารณาจากไฟแนนซ์ได้ โดยลูกค้าที่เข้ามาซื้อรถพลังงานใหม่ของ BYD ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีรถยนต์ที่บ้านอยู่แล้ว และมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง"
อย่างไรก็ตามหลังจากหมดกำหนดการจัดโปรโมชั่นลดราคารถยนต์ไฟฟ้าในงานมอเตอร์โชว์ 2025 แล้ว BYD ได้ปรับราคาขายรถแต่ละรุ่นเป็นไปตามปกติแล้ว ส่วนจะประกาศลดราคาอีกเมื่อไรนั้น ไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากการจัดโปรโมชั่นหรือแคมเปญต่างๆ ต้องได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ด้วย
BYD เดินกำลังผลิตในไทยเต็มรูปแบบ
มิสเตอร์หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี กล่าวว่า เรากำลังเดินหน้าแผนการผลิตในไทย โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนแต่อย่างใด หากกล่าวถึง BYD SHARK 6 พบว่า ลูกค้าและดีลเลอร์ต่างให้ความสนใจ บีวายดีจึงนำรถรุ่นนี้มาให้ทุกคนได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนแผนประกอบเมื่อไรนั้น ยังอยู่ระหว่างดำเนินการจะแจ้งให้ทราบภายหลังจากการแข่งขันภาพรวมตลาดรถยนต์ในไทยค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ BYD มีความมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ 2 รูปแบบ คือ BEV และ PHEV และเร็วๆ นี้ บีวายดีจะส่งมอบรถคันที่ 80,000 ให้ผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งตัวเลขที่ได้มาต้องยอมรับว่า ผู้บริโภคยอมรับรถพลังงานใหม่ โดยเฉพาะ BEV และ PHEV ดังนั้นจึงต้องสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า รถพลังงานใหม่สามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้อย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ปรับแผนลดกำลังการผลิตในไทย และมองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นยังไปได้อีกไกล ส่วนเป้าหมายที่ไต่ขึ้นอันดับ 3 ของตลาดนั้น เราไม่ได้สนใจว่าเราจะเป็นที่เท่าไร แต่มองว่าศักยภาพบีวายดีในไทยขยายขึ้น ก็จะทำให้คนสนใจเมืองไทยมากขึ้นนั่นเอง
เรเว่เปิดศูนย์ BYD Experience Store แห่งแรกในไทย
นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า เราได้เปิดตัว BYD Experience Store แห่งแรกของประเทศไทย โดยตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ณ อาคารอินเตอร์เชนจ์ 21 ชั้น G ด้วยจุดประสงค์ที่จะให้ผู้บริโภคชาวไทย ได้ทำความรู้จักกับนวัตกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคต ที่มีอยู่ในรถยนต์หลากหลายรุ่นของ BYD และ DENZA รวมถึงบอกเล่าความเป็นมาของรถยนต์ BYD ผ่านสื่อและกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ พร้อมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ ที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินแก่ผู้เยี่ยมชม
ทั้งนี้ ศูนย์ BYD Experience Store ถูกจัดสรรออกเป็นสัดส่วนด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วนหลัก โดยในแต่ละส่วนจะมอบประสบการณ์การเรียนรู้ในเนื้อหาและวิธีที่แตกต่างกันไป ในส่วนแรก Zone A จะเป็นพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ในเครือ BYD ซึ่งทั้งหมดเป็นรถยนต์ที่ยังไม่ออกจำหน่ายประเทศไทยภายใต้แบรนด์ Denza, Formula และ Yangwang ทั้งยังมีบอร์ดและจอโค้ง LED ขนาดใหญ่ไว้บอกเล่าทุกเรื่องราวสำคัญ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของ BYD ทั้งยังมีคลิปสัมภาษณ์แนวคิดของผู้บริหาร
Zone B จะเน้นไปที่นวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์ล่าสุด พร้อมอธิบายหลักการทำงานรวมถึงจุดแข็งของนวัตกรรมในรถยนต์ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า EV และ PHEV ซึ่งล้วนแล้วแต่อัดแน่นอยู่ในรถยนต์ BYD ทั้งยังมีการจัดแสดงชิ้นส่วนรถยนต์จริงอย่าง E-platform และ BYD Blade Battery ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นนวัตกรรมที่เป็นเอกสิทธิ์ของ BYD ที่สำคัญ ยังมีกล้อง Interactive AR ให้ผู้เยี่ยมชมได้ศึกษาเทคโนโลยีในรถยนต์ ผ่านภาพเสมือนจริงอีกด้วย
Zone C ซึ่งจะให้ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ เรื่องการร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ซึ่งเริ่มต้นได้จากทุกคน รวมถึงวงการยานยนต์ ผ่านการพัฒนารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดแบบ PHEV ซึ่ง BYD มีทั้งเทคโนโลยี DM-i และ DM-P ไปจนถึงการให้ความรู้เรื่องผลกระทบของโลกร้อน และเทคโนโลยีล่าสุดที่คิดค้นมา เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคใช้รถยนต์กลุ่มพลังงานใหม่ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังมีบาร์เครื่องดื่มรับรองอีกด้วย