
BYD Fang Cheng Bao Tai 3 เอสยูวีไฟฟ้า ชาร์จไฟวิ่งไกล 501 กม. ราคาที่จีนเริ่ม 6.06 แสนบาท
BYD Fang Cheng Bao Tai 3 จะเป็นรุ่นแรกในซีรส์ Tai มีให้เลือกรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่วางอยู่คู่ล้อหลัง RWD และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD โดยในรุ่นท๊อปจะมาพร้อมระบบโดรน “Ling Yuan” พร้อมแท่นจอดโดรนบนหลังคารถ นอกจากนั้นในทุกรุ่นจะได้รับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง God’s Eye C ของทางบีวายดี
ในด้านงานออกแบบของ Tai 3 จะมาในรูปทรงเอสยูวีขนาดกระทัดรัด โดยดีไซน์มาสำหรับครอบครัว โดยมีความยาวตัวรถอยู๋ที่ 4,605 มม., กว้าง 1,900 มม. สูง 1,720 มม. มีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,745 มม. ในขณะที่รุ่นติดตั้งระบบโดรนจะมีความสูงอยู่ที่ 1,930 มม.
ส่วนรูปลักษณ์หน้าตาจะมีความรูสึดเหมือนกับ BYD Fang Cheng Bao Bao 8 ที่ถูกย่อส่วนลงมา กระจังหน้าจะเป็นมาในทรงสี่เหลี่ยมสีดำ ตรงกลางติดตราโลโก้ของทางแบรนด์
พร้อมขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED ทรงสราเหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ ขณะทีกันชนหน้ามาในแบบทรงสามเหลี่ยมที่ตกแต่งด้วยวัสดุชิ้นงานที่เป็นสีบรอนซ์อยู่ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง
เส้นสายด้านข้างมากับเหลี่ยมมุมที่ดูดุดัน มาพร้อมกาบบันไดข้างทรงเหลี่ยม สอดรับเข้าชุดกับซุ้มล้อสีดำขนาดใหญ่ เสริมความโหดด้วยล้ออัลลอยสีดำลาย 5 ก้าน ด้านในติดตั้งคาร์ลิปเปอร์เบรสีแดง มือเปิดประตูแบบราบเรียบไปกับตัวรถ
ด้านท้ายมากับแถบไฟท้าย LED ที่เป็นที่วางพาดยาว โดยมีล้ออะไหล่พร้อมฝาครอบล้อคั้นอยู่ตรงกลาง มาพร้อมกันชนท้ายดีไซน์โหดขนาดใหญ่ที่มีลักษณธแบบเดียวกับตัวกันชนหน้า เสริมทความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคาแบบลอนแยก มาพร้อมไฟเบรกดวงที่สามอยุ่าตรงกลาง
โดยในรุ่นที่ติดตั้งโดรนบนหลังคาจะเป็น โดรนติดรถยนต์ Lingyuan ที่สร้างขึ้นร่วมกับ DJI โดยตัวโดรนจะสามารถบินขึ้นได้เมื่อรถจอดนิ่ง หรือเมื่อความเร็วต่ำกว่า 25 กม./ชม. โดยที่หลังคาจะเปิดโดยอัตโนมัติด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ตัวโดรนยังรองรับการถ่ายภาพด้วยกล้องคู่ 4K และการตัดต่ออัจฉริยะ ซึ่งจะสร้างวิดีโอสั้นๆ โดยอัตโนมัติ
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบตามแนวคิดของรถในตระกูล FCB โดยจะเน้นความบึกบึน ดูแข็งแกร่ง แผงคอนโซลตรงกลางจะเป็นหน้าจออินโฟนเทนเมนต์ที่มีขนาด 12.8 นิ้ / 15.6 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) โดยจะถูกวางแบบแแขวน มาพร้อมระบบ DiLink 100 ของ BYD ที่รองรับฟังก์ชันต่างๆ อามิเช่น การโต้ตอบด้วยเสียง, ระบบนำทางแบบออนไลน์ และการอัปเดต OTA
นอกจากนั้นยังได้รับการติดตั้งแผงหน้าปัด LCD ขนาด 8.8 นิ้ว ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ในทุกรุ่นย่อย ร่วมกับ หน้าจอ W-HUD ขนาด 12 นิ้ว (มีเฉพาะบางรุ่น)
ส่วนแผงคอนโซลกลางจะถูกออกแบบให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยจะเต็มไปด้วยปุ่มควบคุมจำนวนมาก ที่รายล้อมคันเกียร์ขนาดใหญ่ โโยออกแบบให้เหมือนกับสวิตซ์ควบคุมบนห้องโดยสารนักบิน นอกจากนั้นยังจะได้รับแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังการชาร์จไฟขนาด 50W
พร้อมทั้งยังได้รับกุญแจรถ NFC, ชุดไฟ Ambient Lghting, ระบบเครื่องเสียงของทาง Devialet และมีช่องเก็บอุณหภูมิร้อน-เย็น ความเย็นอยู่ที่ด้านล่างของที่เท้าแขนตรงกลาง โดยสามารถปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -6℃ – 50℃
ขณะที่ในส่วนเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า มาพร้อมระบบอุ่นและระบบระบายอากาศ ส่วนตัวเบาะที่นั่งด้านหลังปรับพนักพิงได้ 2 ระดับ พร้อมที่วางแขนตรงกลาง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บสัมภาะระด้านท้ายที่มีความจุ 151 ลิตร รวมทั้งช่องเก็บสัมภาระด้านหน้าเมื่อยกฝากระโปรงหน้าขึ้นโดยมีความจุมากถึง 28 ลิตร
ส่วนระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะมากับระบบขับขี่อัจฉริยะ God’s Eye C มาพร้อมกับกล้อง 12 ตัว, เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ซึ่งรองรับฟังก์ชันการขับขี่ขั้นสูงมากกว่า 30 ฟังก์ชัน อาทิระบบช่วยจอดรถ, ระบบหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง และระบบนำทางบนทางหลวงแบบอัตโนมัติ
BYD Fang Cheng Bao Tai 3 ถูกสร้างขึ้นบน e-Platform 3.0 Evo+ ของทางบีวายดี ในด้านพละกำลังจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% โดยมีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว (RWD) และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (AWD)
- รุ่น RWD จะได้รับกาติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่คู่ล้อหลังให้กำลัง 160 kW (215 แรงม้า) แรงบืด 310 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจสก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 7.9 วินาที จับคู่แบตเตอรี่ Blade LFP ขนาดความจุ 65.28 kWh
- รุ่น AWD จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าให้กำลัง 110 kW (148 แรงม้า) แรงบิด 200 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลังให้กำลัง 200 kW (268 แรงม้า) แรงบิด 310 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม.ในเวลา 4.9 วินาที จับคู่กับแบตเตอรี่ Blade LFP ขนาด 78.72 kWh หรือ 72.96 kWh
โดยทั้งรุ่น RWD และ AWD ชาร์จไฟเต็มจะมีความเร็วสูงุสดอยู่ที่ 201 กม./ชม. และชารืจไฟเต็มจะให้ระยะทางวิ่งไกลสุดที่เท่ากันคือ 501 กม. (CLTC) พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC ที่ให้กำลังไฟจาก 30% – 80% ในเวลาเพียง 18 นาทีเท่านั้น
นอกจากนั้น BYD Fang Cheng Bao Tai 3 ยังได้รับการติตดั้งระบบ iATS (intelligent All Terrain System) ที่สามารถปรับโหมดการขับขี่โดยอัตโนมัติตามสภาพถนน เช่น หญ้า ทราย โคลน และหิมะ และระบบ TSC ที่ควบคุมเสถียรภาพในสถานการณ์ยางระเบิดโดยการยกล้อที่ได้รับผลกระทบขึ้นเพื่อให้ล้ออื่นขับเคลื่อนได้อิสระ ทำให้รถสามารถขับต่อไปได้ด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. เป็นระยะทางสูงสุด 30 กม.
รวมทั้งยังมากับระบบควบคุมตัวถังลดแรงกระแทกอัจฉริยะ DiSus-C ที่จะช่วควบคุมความหนืดในการยืด-ยุบของช่วงล่าง เพื่อควบคุมการทรงตัว พร้อมติดตั้งโช้คอัพแบบลดแรงสั่นสะเทือนแบบแปรผันอีกด้วย
สำหรับราคาจำหน่าย ในจีนจะมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย เปิดราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 133,800 – 193,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว ๆ 6.1 – 8.8 แสนบาท