มาแล้ว DEEPAL HUNTER K50 ปิกอัพ REEV รุ่นแรกของไทยราคาเริ่ม 1.099 ล้าน
มาแล้ว DEEPAL HUNTER K50 ปิกอัพ REEV รุ่นแรกของไทยราคาเริ่ม 1.099 ล้าน

มาแล้ว DEEPAL HUNTER K50 ปิกอัพ REEV รุ่นแรกของไทยราคาเริ่ม 1.099 ล้าน

ภายในงาน Motor Show ครั้งที่ 46 นี้ บูธของทาง Changan นอกจากที่จะได้เปิดตัวเอสยูวีไฟฟ้าอย่าง DEEPAL S05 แล้วทางแบรนด์รถจากประเทศจีนก็ได้เปิดตัว DEEPAL Hunter K50 REEV Plus AWD รถกระบะขุมพลัง Range-Extended Electric Vehicle หรือ REEV เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเปิดรับจองในราคาเริ่มที่ 1,099,000 บาท

โดยฉางอาน เปิดตัว DEEPAL HUNTER K50 ในไทย ด้วยรุ่น REEV PLUS AWD ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท โ้ดยเริ่มต้นเปิดรับจองแล้ว และจะสามารถส่งมอบรถได้ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 เป็นต้นไป

เซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการบริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีส เอเชีย จำกัด และ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า DEEPAL HUNTER K50 จะตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าและขจัดความกังวลเรื่องระยะทางด้วยเทคโนโลยี REEV

นอกจากนี้ DEEPAL HUNTER K50 ยังผ่านการทดสอบและปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานและสภาพถนนในประเทศไทย และผ่านการทดสอบในสภาพการใช้งานจริงในไทยเป็นระยะทาง 40,000 กิโลเมตร

รวมถึงด้านความปลอดภัยจากแบตเตอรี่ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถทนทานต่อทุกสภาวะ โดยมีโครงสร้างลักษณะคล้ายกรงที่ฝังแบตเตอรี่ไว้ภายในคานแชสซีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก จึงเชื่อมั่นว่า DEEPAL HUNTER K50 จะสร้างนิยามใหม่ให้กับตลาดรถกระบะและสร้างความคึกคักให้กับทั้งอุตสาหกรรม

DEEPAL HUNTER K50 รองรับการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 131 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) และเทคโนโลยี Range Extender จากเครื่องยนต์ 2.0T-GDI และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า R100G จะช่วยให้การเดินทางรวมกันทั้งหมดทำได้ว่า 900 กิโลเมตร จากการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งและเติมน้ำมันเต็มถัง 

ด้านสมรรถนะ

- กำลังสูงสุด 272 แรงม้า
- แรงบิด 470 นิวตันเมตร 
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 7.9 วินาที 

DEEPAL HUNTER K50 มีมิติขนาดตัวถัง ยาว 5,380 มม. กว้าง 1,980 มม. สูง 1,875 มิลลิเมตร ระยะความสูงจากพื้น 220 มม. 

พื้นที่กระบะท้ายขนาด ยาว 1,590 มม. กว้าง 1,580 มม. สูง 490 มม. พร้อมตะขอยึดที่แข็งแรงเพื่อความปลอดภัยในการขนส่ง 

- ตัวรถรองรับการลุยน้ำลึกได้ 600 มม. 

- ความสามารถในการลากจูง 2.5 ตัน 

ด้านรูปลักษณ์หน้าตาก็จะมีลักษณะที่เหมือนกับ Changan Hunter เวอร์ชันที่เปิดวางขายในจีนเมื่อปีที่ผ่านมา ตัวรถจะมาในรูปแบบดับเบิลแค็บหรือแบบ 4 ประตู  ในด้านงานออกแบบ จะมีกลิ่นอายของรถในค่ายเดียวกันอย่างทางรถในตระกูล Changan UNI ในส่วนหน้ารถจะมาในแบบ Shark Nose กระจังหน้ามาในทรงรูปตัว V ขนาดใหญ่สีเดียวกับตัวรถ ด้านในเป็นตารางสีเหลี่ยมวางเรียงเป็นชั้น ตรงกลางติดตราโลโก้ DEEPAL พร้อมขนาบข้างด้วยไฟหน้าใหม่ รูปทรงตัว T ที่ด้านบนจะเป็นชุดไฟ DRL ส่วนฐานล่างจะเป็นไฟส่องสว่าง มาพร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ,ฟังก์ชัน Follow Me Home,ปรับระดับได้ เติมความดุดันด้วยกันชนหน้าดีไซน์โหดไซซ์ใหญ่ มาพร้อมไฟตัดหมอกที่สเกิร์ตหน้าทั้งสองข้าง นอกจากนั้นยังเสริมความดุดันด้วยชุดแต่งสีดำล้วนรวมคัน ทั้งที่ขอบซุ้มล้อ กรอบชุดไฟตัดหมอก และการ์ดกันกระแทกสีดำใต้ห้องเครื่อง ด้านข้างตัวรถมาพร้อมบันไดข้าง เติมความหรูหราด้วยชิ้นงานที่เป็นโครเมทียมที่ฝาครอบกระจกมองข้าง และที่มือเปิดประตู ส่วนชุดล้อจะเ็นล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้วรัดด้วยยางขนาด 265/60 R18 โดยมีช่องเติมน้ำมันอยู่ด้านฝั่งซ้าย ส่วนที่ฝั่งขวาจะเป็นพอร์ตชาร์จไฟ ด้านท้ายรถจะมากับชุดไฟท้าย LED ฝากระบะท้ายตีตราชื่อแบรนด์ DEEPAL สีดำขนาดใหญ่ มาพร้อมมือเปิดประตูสีดำ ขณะที่ฝาท้ายเป็นแบบระบบผ่อนแรง มาพร้อมบันไดกระบะท้าย นอกจากนั้นตัวกระบะท้ายก็ยังได้รับการติดตั้งแผ่นรองพื้นกระบะท้ายมาให้ ในด้านขนาดมิติตัวรถจะมีความยาว 5,380 มม. กว้าง 1,980 มม. สูง 1,875 มม. โดยมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 3,180 มม. ส่วนตัวกระบะท้ายนั้นจะมีความยาว x กว้าง x สูง อยู่ที่ 1,590 x 1,580 x 490 (มม.) ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.75 เมตร

ภายในห้องโดยสารจะได้รับการออกแบบให้ดูทันสมัย แผงแดชบอร์ดได้รับการติดตั้งหน้าจอคู่ โดยจะมากับแผงหน้าปัดขนาด 7.5 นิ้ว และหน้าจออินโฟนเทนดมนต์แบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ที่วางเชื่อมเป็นจอเดียวกัน มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมทั้งยังรองรับการอัปเดตแบบ OTA มาพร้อมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และระบบนำทางแบบออนไลน์ คอนโซลกลางออกแบบให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่จะดีไซน์ให้มีเฉพาะที่วางแก้วน้ำ และแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายขนาด 40W เท่านั้น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมได้รับส่ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านท้าย ที่อยู่ด้านหลังคอนโซลกลาง 

ด้านชุดอุปกรณ์จะมากัยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังพร้อมปุ่ม Shortcut, กระจกไฟฟ้า 4 บาน เปิด-ปิดแบบ One-touch พร้อมระบบกันหนีบ, ชุดไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารด้านหน้า และหลัง, ช่องเสียบ USB-A 3 ตำแหน่ง และช่องจ่ายไฟแบบ 12 โวลต์, ชุดเครื่องพร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง เบาะที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์พร้อมรูระบายอากาศ ด้านเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง นอกจากนั้นยังได้รับระบบเป่าลมที่ตัวเบาะคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนพนักพิงเบาะหลังสามารถพับได้

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ และระบบความปลอดภัยจะได้รับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ อาทิระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW), ถุงลมคู่หน้า, ถุุงลมด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลมด้านข้าง, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาแบบ 3 มิติ พร้อมระบบแสดงภาพตัวรถแบบโปร่งแสง, ระบบบันทึกวีดีโอการขับขี่รอบทิศทาง 360 องศา (DVR), ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบเสริมแรงเบรก (BA), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (ESP), ระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS), ระบบช่วยการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (AYC), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HHC), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC), เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าปรับสูง-ต่ำได้, ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยด้านหน้า, เบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน Auto Hold, จำนวนเซ็นเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุ ด้านหลัง: 2 ตำแหน่ง, ระบบสัญญาณป้องกันขโมย , ISOFIX, ระบบตรวจจับแรงดันลมยาง (TPMS) และอุปกรณ์อุดการรั่วซ่มของยางแบบชั่วคราว

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับระบบ REEV โดยจะมีเครื่องยนต์สูงสุด 135 kW (184 แรงม้า ) แรงบิด 390 นิวตันเมตร ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บไว้ยังชุดแบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate (LFP) ขนาด 31.18 kWh พร้อมระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ซึ่งจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ทำหน้าที่ขับเคลื่อน โดยมอเอตร์ไฟฟ้าคู่หน้าจะให้กำลัง 70 KW (95 แรงม้า) แรงบิด 150 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลังให้กำลัง 130 KW (177 แรงม้า) แรงบิด 320 นิวตันเมตร โดยจะให้กำลังรวมสูงสุด 200 KW (272 แรงม้า) แรงบิดรวมสูงสุด 470 นิวตันเมตร โดยตัวรถจะมีอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 7.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 160 กม./ชม. มาพร้อมระบบการขับเคลื่อนแบบ AWD วิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกลสูด 131 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) โดยมีความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร 

โดยทางผู้ผลิตเคลมไว้ว่าเมื่อชาร์จไฟเต็ม บวกเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งครอบคลุมระยะทางไกลกว่า 900 กม. พร้อมรองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC สูงสุด 6.6 kW และรองรับการชาร์จแบบกระแสตรง DC สูงสุด 41 kW โดยชาร์จไฟ DC ให้กำลังไฟจาก 30 – 80% ในเวล่ 30 นาที มาพร้อมระบบ V2L และระบบอัจฉริยะดึงพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ ในด้านระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิงก์ ด้านระบบห้ามล้อจะเป็นดิสก์เบรก ทั้งคู่หน้า และคู่หลัง 

DEEPAL Hunter K50 ที่เปิดตัวในตลาดเมืองไทยจะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 4 สีได้แก่ สีเทา Modus Grey, สีขาว Alpine White, สีดำ Ash Black และ สีเขียว Pine Green ส่วนภายในห้องโดยสารจะเป็นสีทูโทน ดำ-เบจ / Black-Beige

สิทธิพิเศษสำหรับผู้จอง DEEPAL HUNTER K50 REEV PLUS AWD ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 เมษายน 2568 จะได้รับแพ็คเกจเพิ่มเติม คือ บำรุงรักษา 5 ปี หรือ 5 ครั้ง

โดยทางฉางอันได้เปิดรับจอง DEEPAL Hunter K50 REEV Plus AWD โดยจะมีให้เลือกเพียงรุ่นเดียว เปิดราคาไว้ที่ 1,099,000 บาท

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง