
Mitsubishi XFORCE HEV 2025 ใหม่ รถ B-SUV เน้น Option เต็ม ระบบ ADAS ครบ
ดีไซน์ด้านหน้ายังคงเอกลักษณ์ Dynamic Shield แบบ 3 มิติ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED และไฟท้าย LED สี Smoke จัดเรียงเป็นรูปตัวที ด้านข้างโดดเด่นด้วยเส้นสายพริ้วไหว พร้อมหลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) ให้ความรู้สึกโปร่ง มีระยะต่ำสุดถึงพื้น หรือ Ground Clearance มากถึง 183 มิลลิเมตร
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว 4,390 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,810 มิลลิเมตร
- สูง 1,660 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,650 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 222 มิลลิเมตร
ภายในห้องโดยสารออกแบบด้วยแนวคิด Horizontal Axis เพื่อทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมรอบคัน ตกแต่งด้วยสีทูโทน Mélange - Mocha พร้อมวัสดุผ้ากันน้ำและคราบสกปรก รองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่งโดยไม่รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งตอนหลังปรับเอนได้ 8 ระดับ และปรับพับแบบ 40:20:40 พร้อมวัสดุหุ้มเบาะ Heat Guard ช่วยสะท้อนความร้อนจากแดงแดด
บริเวณกลางคอนโซลติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว Smartphone-link Display Audio (SDA) และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 8 นิ้ว จอภาพถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน แบบ Multi-widget สามารถแสดงข้อมูลพร้อมกันบนหน้าจอเดียว ทั้งยังสามารถแสดงระดับความสูง, มุมเอียง และทิศทาง รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายได้
Mitsubishi XFORCE HEV ถูกติดตั้งระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ให้คุณภาพเสียงเช่นเดียวกับการฟังเครื่องดนตรีแบบแยกชิ้น สามารถรูปแบบเสียงได้ 4 รูปแบบ พร้อมด้วยระบบฟอกอากาศ nanoe X ที่สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย สร้างอากาศสดชื่น และไฟตกแต่ง Ambient Light บริเวณคอนโซลหน้าและแผงประตูหน้า
Engine เครื่องยนต์
Mitsubishi xForce HEV จะติดตั้งเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ Xpander HEV
HEV e:Motion 1.6 Hybrid
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 4A92 ขนาด 1.6 ลิตร 1,590 ซีซี. MIVEC พละกำลังสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 5,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 116 แรงม้า 255 นิวตันเมตร Full Hybrid แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 1.1 kWh จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Transaxale ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E20
โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ประกอบด้วย โหมดขับขี่แบบไฟฟ้า 2 รูปแบบ คือ EV Priority Mode และ Charge Mode พร้อมโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบตามสภาพถนน ได้แก่ Normal Mode, Tarmac Mode, Gravel Mode, Mud Mode และ Wet Mode
ระบบความปลอดภัยมีการติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งเป็นมาตรฐาน พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย Diamond Sense ทำงานผ่านกล้อง เซนเซอร์ และเรดาร์ ประกอบด้วย
- กล้องมองภาพรอบคัน MAM with Moving Object Detection
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าออกตัว LCDN
- ระบบเตือนจุดอับสายตาและเตือนขณะเปลี่ยนเลน BSW with LCA
- ระบบเตือนการชนพร้อมช่วยชะลอความเร็ว FCM
- ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC
- ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB
- ระบบเตือนขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA
ตัวรถมีให้เลือกทั้งหมด 8 สี (แตกต่างไปตามแต่ละรุ่นย่อย) ได้แก่
- สีขาว White Diamond
- สีเงิน Blade Silver
- สีดำ Jet Black Mica
- สีเทา Graphite Gray
- สีขาว White Diamond หลังคาดำ
- สีเทา Graphite Gray หลังคาดำ
- สีแดง Spirit Red หลังคาดำ
- สีเหลือง Energetic Yellow หลังคาดำ