
Toyota C-HR+ ใหม่ ไฟฟ้าล้วน 100% แบตวิ่งไกล 600 กม.
Toyota เผยว่า C-HR+ เป็น “Core Model” ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท และเป็นก้าวสำคัญในตลาด SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดที่กำลังได้รับความนิยม
Toyota C-HR+ เคยถูกคาดการณ์ว่าจะใช้ชื่อ bZ3X และได้รับแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ bZ Compact SUV ที่เปิดตัวในปี 2022 โดยยังคงดีไซน์แบบสปอร์ต เช่น หลังคาลาดยาว และกระโปรงหน้าที่ยาวขึ้น
Toyota C-HR+ 2025 ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% พร้อมมอเตอร์กำลังสูงสุด 343 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.2 วินาที แบตเตอรี่ขับขี่ไกลสุด 600 กม. ต่อชาร์จ (ตัวเลขประมาณการณ์ตามมาตรฐาน WLTP) เปิดตัวก่อนขายจริงที่ยุโรปปีนี้
Toyota C-HR+ ถูกพัฒนาเป็น C-SUV ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ควบคู่ไปกับ Urban Cruiser และ bZ4X รุ่นปรับปรุงใหม่ โดยโตโยต้าระบุว่าการเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นกลยุทธ์การทำตลาดเอสยูวีไฟฟ้าครบทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ B-SUV (Urban Cruiser), C-SUV (C-HR+) ไปจนถึง D-SUV (bZ4X)
ดีไซน์ภายนอกของ Toyota C-HR+ มีความแตกต่างไปจากรุ่น C-HR เครื่องยนต์ไฮบริดตั้งแต่ด้านหน้าจดด้านท้าย โดยมีการปรับดีไซน์ไฟหน้า กระจังหน้า และกันชนหน้าใหม่ทั้งหมด ขณะที่ดีไซน์ตัวถังตั้งแต่เสา B-pillar ไปจนถึงด้านท้ายก็มีการออกแบบใหม่เช่นเดียวกัน โดยยังคงแนวทางออกแบบสไตล์คูเป้เอาไว้
ตัวถังของ C-HR+ มีขนาดความยาวตลอดคัน 4,520 มม. เพิ่มขึ้นจากรุ่นไฮบริด 160 มม. ความยาวฐานล้อ 2,750 มม. เพิ่มขึ้น 110 มม. ขณะที่ห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวางเทียบได้กับ C-SUV พร้อมห้องเก็บสัมภาระท้ายขนาด 416 ลิตร
ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบแผงคอนโซลแตกต่างไปจากรุ่นไฮบริด มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้วเป็นมาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น มีระบบนำทางที่สามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมสำหรับการแวะสถานีชาร์จ ขึ้นอยู่กับปริมาณแบตเตอรี่และระยะทางขับขี่คงเหลือ รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน MyToyota เพื่อเช็กสถานะต่างๆ บนสมาร์ทโฟนได้
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีขนาด 416 ลิตร ซึ่งถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับคู่แข่ง และรถรุ่นนี้มีฟีเจอร์ภายในที่โดดเด่น ได้แก่
- แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนไร้สาย 2 ตำแหน่ง
- ระบบควบคุมอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- หลังคากระจกพาโนรามา
Toyota C-HR+ ยังถูกติดตั้งที่ชาร์จไร้สาย 2 ตำแหน่ง พร้อมช่องจ่ายไฟแบบ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มเติมด้วยปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศตอนหลัง และหลังคากระจกพาโนรามิกช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งภายในห้องโดยสาร
แบตเตอรี่ของ Toyota C-HR+ มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 57.7 kWh และขนาด 77 kWh พร้อมระบบขับเคลื่อนที่เลือกได้ทั้งมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) และมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)
รุ่น FWD ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 167 แรงม้า (HP) จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 57.7 kWh หรือหากเลือกแบตเตอรี่ขนาด 77 kWh จะได้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 224 แรงม้า (HP)
รุ่น AWD ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว กำลังสูงสุดถึง 343 แรงม้า (HP) สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.2 วินาที แบตเตอรี่มีเฉพาะขนาด 77 kWh เท่านั้น
ระบบส่งกำลังและแบตเตอรี่
C-HR+ ใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกับรุ่น bZ4X และมาพร้อมตัวเลือกแบตเตอรี่ 2 ขนาด ได้แก่ 57.7kWh และ 77.0kWh วิ่งได้ไกลสุด 373 ไมล์ หรือประมาณ 600 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ในรุ่นมาตรฐานรองรับการชาร์จ AC ที่ 11kW มาตรฐาน และรุ่นท็อปรองรับการชาร์จ AC ที่ 22kW สำหรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุดที่ 150kW
ระบบขับเคลื่อน และสมรรถนะ
C-HR+ มีตัวเลือกระบบขับเคลื่อน 2 แบบ ได้แก่ ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) และขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ซึ่งมีเฉพาะในรุ่นแบตเตอรี่ 77kWh
โตโยต้าระบุว่า C-HR+ มีระยะทางขับขี่คาดการณ์สูงสุดราว 600 กม. ต่อการชาร์จแต่ละครั้งตามมาตรฐาน WLTP (ขึ้นอยู่ขนาดมอเตอร์และแบตเตอรี่) และรองรับการชาร์จด่วนกระแสตรง (DC) กำลังสูงสุด 150 kW
นอกจากนี้ โตโยต้ายังระบุด้วยว่า C-HR+ จะยังคงมอบคุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ (QDR หรือ Quality, Durability และ Reliability) ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาอย่างยาวนาน ผ่านการรับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปี หรือระยะทาง 1,000,000 กม. ขึ้นอยู่กับระยะใดถึงก่อน
Toyota C-HR+ มีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายในบางประเทศของยุโรปช่วงปลายปี 2568 ก่อนจะขยายทั่วภูมิภาคยุโรปตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
Toyota เผยว่ารถรุ่นนี้ถูกออกแบบให้ “ขับสนุก” ด้วยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง ระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งเป็นพิเศษ และเหล็กกันโคลงที่แข็งขึ้น รวมถึงพวงมาลัยที่ตอบสนองได้ดี ซึ่งเป็นจุดแตกต่างจากรุ่น bZ4X โดยรายละเอียดเพิ่มเติมของรถรุ่นที่วางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรจะเปิดเผยให้ทราบช่วงใกล้วันเปิดตัวภายในปีนี้