
Audi A5 Plug-in Hybrid พร้อมชน Mercedes Benz C-Class มาพร้อมค่าตัวเริ่มต้น 3.299 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาวดี้ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์ The all-new Audi A5 ที่มากับเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ครั้งแรกในโลก ที่ได้นำความเป็นเอกลักษณ์ของทรง Avant ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมาสู่ยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่จนเกิดเป็น A5 Avant TFSI e quattro ด้วยทรงรถที่มีความสปอร์ตและอเนกประสงค์ทำให้มีพื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1,424 ลิตร
สำหรับการออกแบบที่นำ DNA ของรถสปอร์ตคูเป้ถ่ายทอดมาสู่รูปทรง Sportback รูปลักษณ์ที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยว 4 ประตู ขนาดตัวรถที่กว้างและยาวขึ้น ทำให้ Audi A5 Sportback TFSI e quattro เป็นยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบในด้านดีไซน์ สะท้อนถึงความสปอร์ตในทุกมิติ
โดดเด่นด้วยชุดแต่งภายนอกแบบ Black Edition และ S line มากับล้อ Audi Sports ลวดลายใหม่ในขนาด 19 นิ้ว สำหรับรุ่น Tech Plus และ ขนาด 20 นิ้ว สุดสปอร์ตสำหรับรุ่น Tech Pro เสริมความล้ำสมัยไปกับระบบไฟหน้า Matrix LED มาพร้อมกับ Day Time Running Light ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 รูปแบบ และเอฟเฟกต์ไฟ Light staging หน้า-หลัง
Audi Digital Rear Lights ไฟท้ายยาวพาดผ่านด้านหลังของตัวรถ ลงตัวกับโลโก้ Audi rings แบบ 2 มิติ ฝากระโปรงหน้าแบบใหม่ดีไซน์ Spoon cuts ที่ยาวขึ้น เพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย Projector LED ไฟสัญลักษณ์รูป Rhombus ที่กระจกมองข้างและประตูหน้าส่องสว่างลงพื้นในขณะที่เปิด-ปิดประตูหรือล็อครถ
ขุมพลัง The all-new Audi A5
The all-new Audi A5 เปิดตัวเป็นครั้งแรกพร้อมเทคโนโลยี Plug-in Hybrid เจเนอเรชั่นล่าสุด มอบระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสูงสุดถึง 114 กิโลเมตร (NEDC) / 86 กิโลเมตร (WLTP) ต่อ 1 การชาร์จ และเป็นรุ่นในตระกูล PHEV ของอาวดี้ที่มีระยะทางการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามากที่สุด
ขณะเดียวกัน The all-new Audi A5 ให้พละกำลังสูงถึง 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะเทียบเท่ากับรถในตระกูล S-model เครื่องยนต์เบนซิน Plug-in Hybrid แบบ 4 สูบ พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection), เทอร์โบชาร์จ พร้อมความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ทุกรุ่นและช่วงล่างแบบ S Sport มั่นใจในทุกการขับขี่
นอกจากนี้ถือเป็นครั้งแรกของ The all-new Audi A5 ที่เป็นแพลตฟอร์มระดับพรีเมียม (Premium Platform Combustion – PPC) มาตรฐานใหม่ของรถเครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ Plug-in Hybrid เจเนอเรชั่นต่อจากนี้ไป ทำงานร่วมกับระบบ E3 1.2 electronics architecture มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น
ระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น การชาร์จที่รวดเร็วขึ้น และยังมีประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนภายนอก อีกทั้งการออกแบบที่ทำให้ภายในห้องโดยสารดูโปร่งและสบายขึ้น
The all-new Audi A5 ทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ E3 (อีคิ้วบ์) 1.2 electronics architecture ซึ่งสามารถควบคุมและประมวลผลได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว เพื่อรองรับเทคโนโลยีที่อัดแน่นของ Audi A5 พร้อมกับการดีไซน์ภายในที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานได้อย่างสะดวกสบายสูงสุด ทำให้ทุกตารางนิ้วของ Audi A5 ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้ในทุกมิติและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ยังล้ำสมัยด้วยหน้าจอแสดงผล Curved MMI Panoramic Display ที่โค้งเข้าหาผู้ขับขี่เพื่อการใช้งานที่ง่ายและสะดวกขึ้น มาพร้อม Audi virtual cockpit plus ขนาด 11.9 นิ้ว และหน้าจอระบบสัมผัส MMI touch display ขนาด 14.5 นิ้ว Smart Door Pannel แผงควบคุมอัจฉริยะที่ประตูข้างคนขับ
ภายในใช้หน้าจอแสดงผล Curved MMI Panoramic Display ที่โค้งเข้าหาผู้ขับขี่ พร้อม Audi virtual cockpit plus ขนาด 11.9 นิ้ว และหน้าจอระบบสัมผัส MMI touch display ขนาด 14.5 นิ้ว Smart Door Pannel แผงควบคุมอัจฉริยะที่ประตูข้างคนขับ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของฟังก์ชันสำคัญต่างๆ
ในรุ่น Audi A5 Tech Pro ติดตั้งหลังคากระจกพาโนรามิค (Panoramic glass roof with switchable transparency) ซึ่งเป็นครั้งแรกใน Audi A5 ที่มาพร้อม UV Sun Screen เพื่อช่วยป้องกันแสงแดดและรังสียูวี และยังสามารถปรับระดับความโปร่งแสงได้ 6 รูปแบบ หน้าจอแบบสัมผัส MMI front passenger ขนาด 10.9 นิ้ว ที่ให้ผู้โดยสารด้านหน้าสามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้ กับระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen กำลังขับ 685 วัตต์ 16 ตำแหน่ง
All new Audi A5 ราคาทั้ง 4 รุ่น
- A5 Sportback TFSI e quattro Tech Plus ราคา 3,299,000 บาท
- A5 Avant TFSI e quattro Tech Plus ราคา 3,499,000 บาท
- A5 Sportback TFSI e quattro Tech Pro ราคา 3,899,000 บาท
- A5 Avant TFSI e quattro Tech Pro ราคา 3,999,000 บาท
All new Audi A5 ได้การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร