ROLLS-ROYCE CULLINAN SERIES II โฉมใหม่ของสุดยอดเอสยูวี ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท 

Rolls Royce Motor Car Bangkok เปิดตัว ‘Cullinan Series II’ วิวัฒนาการแห่งความเหนือชั้น ของซูเปอร์ลักชัวรี่เอสยูวี ติดตั้งระบบควบคุมดิจิทัลล้ำสมัย ภายใต้ชื่อ ‘สปิริต’ (SPIRIT) รวมถึง ‘วิซเพอร์ส’ (Whispers) แอพพลิเคชั่นส่วนตัวสำหรับผู้ครอบครอง บริเวณฐานนาฬิกาในห้องโดยสาร ติดตั้งนางฟ้า ‘สปิริตออฟเอ็กสตาซี’ (Spirit of Ecstasy) เพิ่มการตกแต่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ผสานความประณีตแห่งงานฝีมือร่วมสมัย เบาะ ‘Duality Twill’ เย็บตะเข็บ 2.2 ล้านเข็ม กับความยาวของด้ายทั้งหมดเกือบ 18 กิโลเมตร รูปแบบการฉลุลายบนเบาะหนังรวมกว่า 107,000 ตำแหน่ง ได้รับแรงบันดาลใจจากก้อนเมฆเหนือสำนักงานใหญ่ของ Rolls Royce Motor Car ประเทศอังกฤษ

ปี 2561 Rolls Royce Motor Car เปิดตัวยนตรกรรมซูเปอร์ลักชัวรี่ สัมผัสกับความนุ่มสบายดุจพรมวิเศษ ‘Magic Carpet Ride’ ในหลากหลายพื้นที่และสภาพเส้นทางทั่วทุกมุมโลก ผ่านอัครยนตรกรรมสายพันธุ์ Cullinan กว่าครึ่งทศวรรษ เอสยูวีสุดหรูรุ่นดังกล่าวได้ดึงดูดลูกค้ามหาเศรษฐีกลุ่มใหม่ รวมถึงการปฏิวัติทางความคิด ที่มีต่อรถยนต์ Rolls Royce อย่างสิ้นเชิง Cullinan Series II ดำเนินตามแนวทางแห่งความสำเร็จดังกล่าว ผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัย วัสดุแบบใหม่ ปรับปรุงรายละเอียดด้านการออกแบบอย่างพิถีพิถัน การตกแต่งภายในแบบไร้ขอบเขต ผ่านโปรแกรม Bespoke ควบคู่กับการรักษาไว้ซึ่งสิ่งที่ลูกค้าชื่นชอบ เพื่อให้มนต์เสน่ห์เหนือกาลเวลาดำรงอยู่ตลอดไป

ซึ่งใช้เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 12 สูบ 6,749 ซีซี 420 กิโลวัตต์/571 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ราคาของรถที่จำหน่ายในเมืองผู้ดี อยู่ที่ระดับ 300,000 ปอนด์ หรือประมาณ 13.5 ล้านบาทไทย ตามข้อมูลของผู้ผลิต การกำเนิดของรถแบบนี้ ส่งผลให้อายุเฉลี่ยของผู้เป็นเจ้าของรถ ROLLS-ROYCE ลดลงมาก คือ จาก 56 ปี เมื่อปี 2010 เป็น 43 ปี ในปัจจุบัน

ที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวรถ ก็คือชื่อรุ่นของรถ ข้อมูลของสารานุกรมออนไลน์ WIKIPEDIA ระบุว่า ได้มาจากชื่อของเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก (หนัก 3,106 กะรัต หรือ 621.20 กรัม) ซึ่งขุดพบที่เหมืองแห่งหนึ่งในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1905 ภายหลังมีการเจียระไนเป็นเพชรหลายเม็ด เม็ดใหญ่ที่สุด (หนัก 530.4 กะรัต หรือ 106.8 กรัม) ได้ชื่อว่า CULLINAN I และ THE GREAT STAR OF AFRICA (เธอะ กเรท สตาร์ ออฟ แอฟริกา-แปลว่า ดาวดวงใหญ่ของแอฟริกา) ปัจจุบันเป็นสมบัติของราชวงศ์อังกฤษ

ภายในห้องโดยสารหรูหรา แดชบอร์ดที่ผลิตจากกระจกทั้งชิ้น ติดตั้งมาตรวัดดิจิทัลหน้าผู้ขับ รวมถึงจอแสดงผลกลางแดชบอร์ด ‘Central Information Display’ ได้รับการออกแบบใหม่ให้ส่องสว่างตลอดเวลา ความบันเทิงและการเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ต จากไว-ไฟฮอตสปอต ภายในรถผู้โดยสารด้านหลังสามารถเชื่อมต่อกับจออินโฟเทนเมนต์ทั้ง 2 ตัว ได้อย่างอิสระ พร้อมเพลิดเพลินไปกับระบบเครื่องเสียง Bespoke Audio 18 ลำโพง พร้อมแอมพลิฟายเออร์ 18 แชนแนล 1,400 วัตต์ รถเชื่อมต่อแอพลิเคชั่น ‘วิซเพอร์ส’ (Whispers) บนสมาร์ทโฟน ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า อาทิ การส่งโลเคชั่นเข้าสู่ระบบนำทางของรถ, ติดตามตำแหน่งรถจากระยะไกล และ การสั่งเปิด-ปิดประตูรถ เป็นต้น นอกจากนั้น เจ้าของรถจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงแอพลิเคชั่นเอ็กซ์คลูซีฟ ‘วิซเพอร์ส’ (Whispers) บนสมาร์ทโฟน เพิ่มความสะดวก เช่น การส่งโลเคชั่นเข้าสู่ระบบนำทางของรถ, ติดตามตำแหน่งรถจากระยะไกล และ การสั่งเปิด-ปิดประตูรถ ฯแดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) เริ่มใช้ครั้งแรกกับ Ghost ตามด้วยรุ่น Spectre ปัจจุบัน ถูกนำมาติดตั้งเป็นครั้งแรกใน Cullinanส์ โดยใช้เทคนิคการฉลุด้วยเลเซอร์ที่ในต่ำแหน่งและองศาที่ต่างกัน รวมกว่า 7,000 ตำแหน่ง เพื่อให้แสงสว่างด้านหลังเล็ดลอดออกมา เกิดเป็นลวดลายคำว่า ‘Cullinan’ พร้อมภาพจำลองของตึกระฟ้ายามค่ำคืน หากต้องการสร้างคำหรือภาพอื่นๆ ก็สามารถสั่งได้ ถัดมาด้านขวากันเป็นอีกไฮไลท์สำคัญ คือ ‘Spirit of Ecstasy Clock Cabinet’ หรือนาฬิกาแบบใหม่ ที่มาพร้อมนางฟ้าเรืองแสง ผลิตจากสเตนเลสทั้งชิ้นดูสวยงามและหรูหราขั้นสูงสุด เมื่อผู้โดยสารเปิดประตูรถ มาตรวัดหน้าผู้ขับจะสว่างขึ้น ตามด้วยจอแสดงผลตรงกลาง, แดชบอร์ดเรืองแสง ก่อนนำสายตาสู่นางฟ้าบริเวณฐานนาฬิกา เกิดเป็นการแสดงแสงสีแบบไฮ-คลาส เป็นผลจากการพัฒนากว่า 4 ปี

Rolls Royce Cullinan Series-II  อัครยนตรกรรมที่สร้างตำนานบทใหม่ให้กับผู้ผลิต รังสรรค์ขึ้นบนบรรทัดฐานของลูกค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่ต้องการความโดดเด่นและไม่ซ้ำใคร เป็นการพัฒนาตามแนวคิดร่วมสมัยให้มีความเหนือชั้น ผสานรายละเอียดสุดประณีต ตามแบบฉบับของอัครยนตรกรรม Rolls Royce อย่างชัดเจนในราคากว่า 38 ล้านบาท!