NETA X ใหม่ โดดเด่นคุ้มค่ากับราคาตัวท็อปไม่ถึง 8 แสนบาท!
NETA X ใหม่ โดดเด่นคุ้มค่ากับราคาตัวท็อปไม่ถึง 8 แสนบาท!

NETA X ใหม่ โดดเด่นคุ้มค่ากับราคาตัวท็อปไม่ถึง 8 แสนบาท! 

ดีไซน์ภายนอก 

NETA X ถูกพัฒนาเพื่อวางตำแหน่งในกลุ่ม B-SUV แต่มีขนาดตัวถังใหญ่กว่าคู่แข่งเกือบทุกรุ่น เช่น BYD ATTO 3 และ MG ZS EV ตัวถังมีขนาดความยาว 4,619 มม. ความกว้าง 1,860 มม. ความสูง 1,628 มม. และความยาวฐานล้อ 2,770 มม.

ส่วนความสูงจากพื้นถนนตามสเปกอยู่ที่ 156 มม. คือสูงกว่ารถเก๋งปกติเล็กน้อยเท่านั้น อันเป็นผลมาจากการติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ใต้ท้องรถนั่นเอง ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED รูปตัว L ที่สามารถสลับเป็นไฟเลี้ยวในโคมเดียวกัน พร้อมไฟหน้า Projector LED ขยับลงมาบริเวณกันชน พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติเป็นมาตรฐาน โดยรุ่น Smart ถูกเพิ่มเติมด้วยระบบไฟสูงอัตโนมัติ HBA - High Beam Assist

NETA X ทั้ง 2 รุ่นย่อย ยังถูกติดตั้งหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา พร้อมม่านกรองแสงเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, กระจกมองข้างปรับและพับเก็บอัตโนมัติ, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ พร้อมที่ปัดน้ำฝนหลัง และรุ่น Smart เพิ่มเติมด้วยประตูท้ายไฟฟ้า ทั้งรุ่น Comfort และ Smart ได้ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ พร้อมยางขนาด 225/60 R18 ยี่ห้อ Chao Yang การันตีอีกขั้นกว่าเป็นรถจีนแท้แน่นอน


ภายในห้องโดยสารของ NETA X ออกแบบมาสไตล์เรียบๆ โดดเด่นด้วยหน้าจอกลางขนาดใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว ที่ใช้ควบคุมการทำงานทุกอย่างของตัวรถ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่หลังพวงมาลัย ส่วนหน้าจอเรือนไมล์มีขนาดใหญ่ถึง 8.9 นิ้ว ด้านหน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU ของตัวรถ ใช้ชิพ Qualcomm Snapdragon 8155 คันเกียร์ เปลี่ยนมาใช้เป็นคันเกียร์คอ เหมือนกับ NETA V และ NETA S จากเดิมที่ใช้เป็นแป้นหมุนตรงกลาง ทั้ง 2 รุ่นย่อยถูกติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนังปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางคู่หน้า (รุ่น Smart จะถูกเพิ่มเติมด้วยระบบเมมโมรี่และ Welcome Seat), พวงมาลัยหุ้มหนังปรับได้ 4 ทิศทาง, ระบบเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter บริเวณคอพวงมาลัย และที่บังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าและไฟส่องสว่าง เป็นต้น

ระบบกุญแจอัจฉริยะของ NETA X สามารถล็อกและปลดล็อกได้โดยไม่ต้องนำกุญแจออกจากกระเป๋า โดยหากพกกุญแจไว้กับตัว เพียงเปิดประตูและขึ้นรถก็พร้อมที่จะเข้าเกียร์และขับออกไปในทันที โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มสตาร์ทแต่อย่างใด ส่วนการดับเครื่องยนต์ก็สามารถเข้าเกียร์ P จากนั้นลงรถและล็อกตามปกติได้เลย

เบื้องหน้าผู้ขับขี่จะถูกติดตั้งหน้าจอมาตรวัดแบบดิจิทัลขนาด 8.9 นิ้ว แยกต่างหากกับหน้าจออินโฟเทนเมนท์ ต่างจากรถไฟฟ้าหลายรุ่นที่มักจะรวมไว้เป็นหน้าจอเดียวกัน ซึ่งการแยกแบบนี้ถือว่าสะดวกกว่ามาก เพราะไม่ต้องสลับหน้าจอให้วุ่นวาย แถมช่วยลดการละสายตาจากถนนได้อีกด้วย

ส่วนหน้าจอกลางเป็นจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว (Neta ระบุว่าจะอัปเดตแบบออนไลน์ OTA เพื่อรองรับ Apple CarPlay ได้ในช่วงปลายปี 2567) รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมระบบนำทางในตัว ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 8 จุด คุณภาพเสียงถือว่าพอใช้ได้ ช่อง USB สำหรับการชาร์จไฟทั้งหลาย มีทั้ง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 จุด ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (รวมเป็นทั้งหมด 4 จุด) โดยรุ่น Smart เพิ่มเติมด้วยที่ชาร์จแบบไร้สายบริเวณคอนโซลหน้าอีก 1 ตำแหน่ง

จุดขายสำคัญของ NETA X นอกเหนือจากการตกแต่งที่ดูมีความพรีเมียม ยังรวมไปถึงความกว้างขวาง นั่งสบาย ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลังก็ตาม โดยเบาะแถวหลังสามารถนั่งไขว้ห้างได้เลยด้วยซ้ำ จึงสามารถตอบสนองการใช้งานในรูปแบบครอบครัวได้ดี วันธรรมดาขับไปทำงานคนเดียวก็ไม่เทอะทะ ส่วนวันหยุดจะพาครอบครัวไปเที่ยวก็สบาย

รายละเอียดทางเทคนิค

NETA X ทั้งรุ่น Comfort และ Smart ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม.

แบตเตอรี่ของรุ่น Comfort มีขนาดความจุ 51.8 kWh ระยะทางขับขี่ 401 กม. และรุ่น Smart เพิ่มเป็น 62 kWh ระยะทางขับขี่ 480 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบอิสระ Multi-link ซึ่ง NETA X ถือเป็นรถราคาต่ำกว่า 8 แสนบาทเพียงไม่กี่รุ่นที่ติดตั้งช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมาให้ พร้อมดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ


ราคาจำหน่ายของ NETA X ในประเทศไทย มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่

- NETA X รุ่น Comfort ราคา 739,000 บาท
- NETA X รุ่น Smart ราคา 799,000 บาท

 

 

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง