ภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายในแบบรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ แต่ก็ยังคงความเป็นมัสเซิลคาร์ในแบบดั้งเดิมได้ครบทุกมุมมอง โดย Dodge Charger Daytona จะมีให้เลือกทั้งในรู่น 4 ประตู และ 2 ประตู โดยทั้ว 2 รุ่นจะถูกขับเคลื่อนในแบบ All Wheel Drive ทั้งหมด
ด้านดีไซน์ตัวรถออกแบบมากับภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายในแบบรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ แต่ก็ยังคงความเป็นมัสเซิลคาร์ในแบบดั้งเดิมได้ครบทุกมุมมอง โดย Dodge Charger Daytona จะมีให้เลือกทั้งในรู่น 4 ประตู และ 2 ประตู โดยทั้ว 2 รุ่นจะถูกขับเคลื่อนในแบบ All Wheel Drive ทั้งหมด ตัวรถมาในรูปแบบตัวถังคูเป้ มาพร้อมชุดไฟหน้าแบบ Light Bar และกระจังหน้าที่ออกแบบให้เป็นช่องลม R-Wing เพื่อสร้างประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์สูงสุด ด้านท้ายก็มากับชุดไฟท้าย LED ทรงแนวยาวเหมือนกับด้านหน้า มาพร้อมหลังคากระจก ที่เป็นออปชั่นเสริม ส่วนล้อจะมีขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยางหน้ากว้างขนาด 305/35 ที่ล้อคู่หน้า และ 325/35 ที่ล้อคู่หลัง ที่เรียยกว่ามีขนาดหน้ากว้างที่สุดของรถมัสเซิลคาร์ เท่าที่มีมา ในด้านขนาดมิติตัวรถมีความยาว 5,248 มม., กว้าง 2,028 มม., สูง 1,497 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,074 มม.
Dodge แบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกัน ได้ปิดฉากของเครื่องยนต์สันดาป Hemi V8 ในตำนาน ด้วยการเผยโฉม Dodge Charger Daytona (ดอดจ์ ชาร์จเจอร์ เดย์โทนา) มัสเซิลคาร์ไฟฟ้ารู่นแรกของทางบริษัทออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะมีให้เลือก 2 รุ่นรุ่นคือ R/T และ Scat Pack ชูจุดเด่นเป็น มัสเซิลคาร์ที่เร็ว และแรงที่สุด ด้วยพละกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 670 แรงม้า มาพร้อมอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.3 วินาที
ภายในห้องโดยสารได้รับการถ่ายทอด DNA มาจาก Dodge Charger Daytona SRT EV Concept รถต้นแบบของทางบริษัท โดยชุดอุปกรณ์ภายในนั้นจะแตกต่างกันตามแต่ละรุ่นย่อย แผงแดชบอร์ดจะมากับมาตรวัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว หรือ 16 นิ้ว (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย) มาพร้อมจอแสดงผลส่วนกลางขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple แบบไร้สาย รวมทั้งระบบ Uconnect 5 และ Amazon Alexa เบาะที่นั่งถูกหุ้มทั้งผ้า และผ้าไวนิล หรือหนัง Nappa มาพร้อมถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, ชุดไฟ Ambient Light 64 สี, ชุดเครื่องเสียง Alpine พร้อมซับวูฟเฟอร์ และชุดลำโพง 9 ตำแหน่ง หรือ 18 ตำแหน่ง (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย) มาพร้อมคันเกียร์ที่ออกแบบให้เหมือนกับด้ามปืน มาพร้อมฟังก์ชั่นกล้องรอบคัน 360 และบริการออนไลน์ Dodge Connected Services
โดยรุ่น R/T ให้กำลังสูงสุด 496 แรงม้า แรงบิด 548 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โฆมดได้แก่ Auto, Eco, Sport และ Wet/Snow ด้านชุดแบตเตอรี่จะมีขนาดความจุอยู่ที่ 100.5 kW ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 510 กม.
ส่วนในรุ่น Scat Pack ที่เป็นรุ่นท็อปจะมีพละกำลังที่มากถึง 670 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร เร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 3.3 วินาที เรียกได้ว่าเบียด ๆ กับซูคาร์เลยทีเดียว ขณะที่ความเร็วสูดสุดจะอยู่ที่ 220 กม./ชม. ด้านโหมดการขับขี่จะเหมือนกับในรุ่น R/T แต่จะได้รับโหมด Track, Drag, Donut และ Drift เพิ่มเติมเข้ามา ส่วนชุดแบตเตอรี่จะมีขนาดเท่ากับในรุ่น R/T แต่ระยะทางการวื่งนั้นจะน้อยลงโดยชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทาง 418 กม.
โดยทั้ง 2 รุ่น จะมาพร้อมสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้าสูงสุด 400V รองรับการชาร์จแบบ DC กำลังไฟฟ้าสูงสุด 350 kW ทำให้สามารถประจุไฟจาก 5%-80% ได้ภายในเวลา 33 นาที รวมทั้งรองรับการชสาร์จไฟแบบ AC ขนาด 11kW ที่ชาร์จไฟเต็มภายในเวลา 6.8 ชม.
ระบบช่วงล่างของมัสเซิลคาร์ไฟฟ้าใหม่ จะเป็นแบบ Dual valve semi-active suspension ที่มาพร้อมระบบแปรผันความหนืดเป็นออฟชั่น
ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะได้รับการติดตั้งระบบ ADAS ที่มากับ ระบบเตือนก่อนการชน, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบตรวจจับป้ายจราจร, ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ภายในเลน, ระบบตรวจจับวัตถุในมุมอับสายตา, ระบบป้องกันการเหนื่อยล้าจากการขับขี่ และระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้างและตรวจสอบรถที่วิ่งตัดมาทางด้านข้างขณะถอย
นอกจากนี้ บริษัท Stellantis ยังได้เปิดตัวอุโมงค์ลมไฮเทคพร้อมเทคโนโลยีระนาบพื้นเคลื่อนที่ ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเมืองออเบิร์นฮิลส์ รัฐมิชิแกน โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กล่าวว่าอุโมงค์ลมที่อัปเกรดแล้วจะช่วยให้บริษัทสามารถวัดและลดแรงต้านการไหลของอากาศจากล้อและยาง ซึ่งอาจคิดเป็น 10% ของแรงต้านอากาศพลศาสตร์ในโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมด
Dodge Charger Daytona EV ทาง Dodge จะเริ่มเปิดวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 นี้ ส่วนสนนราคายังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมา แต่คาดว่าจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 60,000 ดอลลาร์ หรือคิกเป็นรเงินไทยอนู่ที่ราว ๆ 1.7 – 2.1 ล้าน
Cr. Carscoops