เปิดตัวรถไฟฟ้าครั้งแรกของโมเดล Mini Cooper และ Aceman เวอร์ชั่น JCW พร้อมกำลัง 255 แรงม้า
รถยนต์ทั้งสองรุ่นโดดเด่นเหนือรถยนต์รุ่น JCW ที่ดูคล้ายกันแต่มีกำลังน้อยกว่า ใต้ฝากระโปรงมีมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่ผลิตกำลัง 255 แรงม้า (190 กิโลวัตต์ / 258 PS) แรงบิด 350 นิวตันเมตร (258 ปอนด์-ฟุต) ส่งกำลังไปยังล้อหน้า มีการเพิ่มขึ้นของแรงม้า 40 แรงม้า (30 กิโลวัตต์ / 40 PS) และแรงบิด 20 นิวตันเมตร (22 ปอนด์-ฟุต) เมื่อเทียบกับรุ่น SE
ในด้านงานออกแบบทั้งสองรุ่น จะมากับชุดแต่งแบบเดียวกัน ที่เน้นในเรื่องของระบบแอโรไดนามิก นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่บ่งบอกถึงความเป็นรถสมรรถนะสูงด้วยการตกแต่งตามสูตร JCW กับการใช้สีแดง, ขาว และดำ ที่ทำให้คิดถึงธงตาหมากรุก เสริมความดุดันสเกิร์ตข้างสีดำเงา
ในส่วนของกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมจะมาในเฉดสีดำแบบปิดทึบ ขนาบข้างด้วยชุดไฟ LED โดยในรุ่น 3 ประตูจะมาในแบบทรงกลม ขณะที่ในรุ่น Aceman จะมาในทรงแบบหลายเหลี่ยม
รวมทั้งยังมากับชุดไฟ Welcome ที่ฉายไฟโลโก้ไปยังที่พื้น รวมทั้งยังติดตั้ง JCW Signature ไว้ที่บริเวณเสา C และสปอยเลอร์ขนาดใหญ่สีดำเพื่อแอโรไดนามิกสูงสุดของรถ ขณะที่กันชนหลังสีดำถูกตัดด้วยแถบสะท้อนแสงสีแดงแนวตั้ง
ขณะที่ในส่วนของหลังคาจะมีให้เลือกทั้งสีแดง Chili Red หรือไล่หลายเฉดสี Multi-tone ส่วนล้ออัลลอยถ้าเป็นในรุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตูจะมีล้อขนาด 18 นิ้ว ขณะที่ JCW Aceman มากับล้อขนาด 19 นิ้ว ด้านในติดตั้งคาลิปเปอร์เบรกสีแดง Chili Red ที่มาพร้อมกับโลโก้ JCW สีขาว
ภายในห้องโดยสารของ MINI JCW Electric และ MINI JCW Aceman จะได้รับการตกแต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง ซึ่งจะมาในสไตล์สปอร์ตด้วยโทนสีดำ และสีแดง พร้อมตกแต่งแผงแดชบอร์ดด้วยลายสีแดง นอกจากนี้เมื่อเปิดไฟชุด Ambient Lighting จะมีภาพกราฟฟิกฉายขึ้นไปยังบนหลังคาพาโนรามิก
ในขณะที่เบาะที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์สีดำ ตกแต่งด้วยผ้า และเย็บเดินตะเข็บด้ายสีแดง แผงคอนโวลหน้าจะมากับส่วนหน้าจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูงมีขนาด 240 มม. ที่เหมือนกับ MINI ในรุ่นใหม่ ที่จะทำหน้าทีสั่งการระบบปรับอากาศ และระบบต่าง ๆ ภายในตัวรถ รวมทั้งยังปรับแต่งการแสดงค่าได้ตามต้องการผ่าน MINI Experience Modes
ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือดการขับขี่ทั้ง 2 รุ่น จะมากับระบบ Automatic speed and distance control ที่ควบคุมความเร็วและเว้นระยะห่างโดยอัตโนมัติ เหมาะไว้ใช้ในช่วงที่ขับผ่านการจราจรติดขัด รวมทั้งยังมากับระบบ MINI Navigation Package ซึ่งระบบนำทางที่สามารถแสดงภาพเสมือนจริงแบบ 3 มิติ และ Driving Assistant Plus Package ที่สามารถหน่วงพวงมาลัยกลับ และรักษารถยนต์ให้อยู่ในช่องจราจร
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนทั้ง MINI JCW Electric และ MINI JCW Aceman จะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวไว้ที่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 190 kW (258 แรงม้า) มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร แต่ในด้านอัตราเร่งนั้นจะแตกต่างกันเล็กน้อยโดยในรุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตู จะมีอัตราเร่ง 0-100 กม.ชม. อยู่ที่ 5.9 วินาที ขณะที่ในรุ่น JCW Aceman จะใช้เวลา 6.4 วินาที อย่างไรก็ตามรถทั้งสองรุ่น จะทำความเร็วสูงสุดเท่ากันโดยจะจำกัดไว้ที่ 200 กม./ชม.
นอกจากนี้ยังมาได้รับการติดตั้ง โหมด G0-kart ที่ผู้ขับขี่สามารุถเพิ่มกำลังได้อีก 20 kW (27 แรงม้า) โดยกดแป้นเพิ่มกำลังที่จิตดั้งอยู่บนพวงมาลัย
ด้านชุดแบตเตอรี่ของรถสมรรถนะสูงทั้ง 2 รุ่นใหม่ จะมากับชุดแบตเตอรี่ที่มีความจุ 54.2 kWh โดยในรุ่น JCW Electric แบบ 3 ประตู ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งจะให้ระยะทางวิ่ง 371 กม. ส่วน JCW Aceman ชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 355 กม.
ขณะที่ระบบส่วนช่วงล่างของรถทั้ง 2 รุ่น นั้นจะได้รับการปรับแต่งตามสไตล์ John Cooper Works ที่เหมือนยกช่วงล่างมาจากตัวแข่งในสนาม โดยจะได้รับการติตดั้งยางสมรรถนะสูงที่เน้นการยึดเกาะถนนที่ดี
MINI JCW Electric และ MINI JCW Aceman ทั้ง 2 รุ่นในช่วงแรกจะถูกผลิตขึ้นในโรงงานจากประเทศจีน และจะกลับมาเริ่มผลิตในโรงงานเมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ปะเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ส่วนด้านราคาจำหน่ายนั้นทางมินิ ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมาในตอนนี้ิ ซึ่งคาดว่าจะถูกเปิดออกมาในช่วงวันที่ลงโชว์รูมในช่วงปลายปีนี้
รถไฟฟ้าทั้งสองรุ่น Mini JCW Electric และ JCW Aceman จะผลิตในประเทศจีน แม้ว่าจะเริ่มผลิตในอ็อกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันอีกว่าจะมีรถแฮทช์แบ็ก Mini Cooper ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ICE รุ่น JCW ที่จะเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
Cr. Carscoop