เปิดตัวพร้อมยอดจองถล่มทลาย Zeekr 7X SUV ไฟฟ้าสุดหรู
เปิดตัวพร้อมยอดจองถล่มทลาย Zeekr 7X SUV ไฟฟ้าสุดหรู

เปิดตัวพร้อมยอดจองถล่มทลาย Zeekr 7X SUV ไฟฟ้าสุดหรู  

Zeekr 7X รถยนต์ไฟฟ้า SUV เปิดตัวใหม่ วิ่งได้ไกลสูงสุด 780 กิโลเมตรต่อหนึ่งชาร์จ
หลังจากที่ได้มีการเปิดตัว Zeekr X ออกสู่ตลาดโลก และนำมาจัดจำหน่ายในบ้านเราด้วยเช่นกัน ในเรื่องของกระแสตอบรับถือว่าดีเลยทีเดียว เพราะทาง Zeekr เค้าเน้นไปที่กลุ่มตลาดพรีเมียม ซึ่งไม่ได้เน้นไปที่ยอดขายจำนวนมากมาย แต่เน้นไปที่คุณภาพของการใช้งานและความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเองพวกเค้าได้ตอกย้ำการเอาจริงเอาจังถึงการเดินหมากในครั้งนี้ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า SUV รุ่นใหม่ล่าสุด Zeekr 7X ในงาน Chengdu Auto Show เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา และพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศจีนช่วงปลายเดือนกันยายน ในส่วนของตลาดต่างประเทศจะพร้อมส่งมอบภายในหนึ่งปีข้างหน้า 

ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา  Zeekr ได้เปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกอย่าง Zeekr 7X ซึ่งมาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อย โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 229,900 – 269,900 หยวน (หรือประมาณ 1,070,000 – 1,250,000 บาท) หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจของรุ่นนี้คือ ระบบทุบกระจกด้วยปุ่มเดียว ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสารให้สามารถหนีออกจากรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วม


รุ่นย่อยของ Zeekr 7X:

1.Zeekr 7X RWD แบตเตอรี่ 75 kWh ราคา 229,900 หยวน (หรือประมาณ 1,070,000 บาท)
2.Zeekr 7X RWD แบตเตอรี่ 100 kWh ราคา 249,900 หยวน (หรือประมาณ 1,160,000 บาท)
3.Zeekr 7X AWD แบตเตอรี่ 100 kWh ราคา 269,900 หยวน (หรือประมาณ 1,250,000 บาท)

การออกแบบของ  Zeekr 7X มี Design Language ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Hidden Energy" ของทาง Zeekr สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง โดยเน้นไปที่กลุ่มครอบครัวขนาดเล็กถึงขนาดกลางเป็นหลัก ดังนั้นภายในห้องโดยสารจึงมีขนาดกว้างขวาง มาพร้อมกับช่องเก็บของจำนวนมากถึง 32 ช่อง ที่สามารถเก็บของต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับคุณผู้หญิงเองน่าจะชอบ เพราะสามารถเก็บได้ตั้งแต่แว่นกันแดดไปจนถึงลิปสติก หากยังไม่พอด้านท้ายของรถยังสามารถบรรทุกของได้อีก 616 ลิตร นั่นหมายความว่าเพียงพอต่อการตั้งแคมป์แล้วนะ

ระบบปฏิบัติการสั่งการด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295 7X มาพร้อมแผงหน้าปัด LCD ซึ่งผสานเข้ากับแผงหน้าปัดได้อย่างสมบูรณ์ มีระบบสั่งการด้วยเสียงที่สามารถฉายข้อความและภาพบริเวณด้านหน้ารถ พวงมาลัยเป็นแบบสามก้านสีทูโทนแบบเดียวกันกับการตกแต่งคอนโซลและเบาะโดยสาร สำหรับผู้โดยสารแถวหลังมาพร้อมกับความสะดวกสบายแบบเฟิร์สคลาส สามารถคอนโทรลระบบต่างๆ ภายในรถ ด้วยหน้าจอแบบทัชสกีนบริเวณพนักวางแขนที่พับเก็บได้ ซึ่งสามารถปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ ปรับระดับเบาะโดยสาร ควบคุมเครื่องเล่นดนตรีและระบบเสียง ควบคุมอุณหภูมิร้อน-เย็น ของเบาะโดยสาร และเครื่องนวดอัตโนมัติ หลังคาพาโนรามิกพร้อมมู่ลี่ เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า

ขุมพลังขับเคลื่อนและเทคโนโลยีของ Zeekr 7X
รถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้า Zeekr 7X ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ให้เลือก ซึ่งจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจากซิลิกอนคาร์ไบด์ 310 กิโลวัตต์ ติดตั้งที่เพลาหลัง ส่วนในรุ่นที่เป็นมอเตอร์คู่ จะเพิ่มมอเตอร์เข้าไปอีกตัวขนาด 165 กิโลวัตต์ ที่เพลาหน้า ส่งผลให้สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3.8 วินาที ความพิเศษของ Zeekr 7X ก็คือในทุกเวอร์ชั่นจะใช้สถาปัตยกรรม 800V โดยที่จะมีชุดแบตเตอรี่ให้เลือกระหว่าง 75 และ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับชุดแบตเตอรี่ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง จะใช้แบตเตอรี่จาก Golden Brick ที่ Zeekr พัฒนาขึ้นเอง ผลิตโดยบริษัทในเครือ Geely อย่าง VREMT นับเป็นรุ่นที่สองและเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้ใน Zeekr 007 ซึ่งทาง Zeekr ได้ออกมาเคลมว่าเป็นแบตเตอรีที่ชาร์จเร็วที่สุดในโลก เพียงแค่ 10.5 นาที ก็สามารถชาร์จไฟจาก 0-80% ได้แบบสบายๆ และยังวิ่งได้ไกลถึง 605 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC ในส่วนของ ชุดแบตเตอรี่ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง จะใช้แบตเตอรี่ Qilin จาก CATL ซึ่งเป็นแบตเตอรี่นิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ (NMC) ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการชาร์จ 5C ที่รวดเร็วเป็นพิเศษ นั่นทำให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 780 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC 

เทคโนโลยีถือว่าจัดมาให้แบบเต็มๆ ติดตั้งชุดเซ็นเซอร์รวมถึง Lidar ที่ใช้ชิปของ Nvidia Orin X แบบคู่ ซึ่งให้พลังการประมวลผล 508 TOPS มาพร้อมกับระบบขับขี่อัจฉริยะ Haohan 2.0 แบบเดียวกับที่อยู่ใน Zeekr 001 และ 007 มีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Arctic White, Dawn Brown, Nightfall Gray และ Polar Night Black

Zeekr ยังเน้นย้ำถึงคุณสมบัติด้านความปลอดภัย เช่น เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กอัจฉริยะ ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยแบบแอคทีฟเป็นรายแรกของโลก รถรุ่นนี้มีกำหนดเริ่มส่งมอบในประเทศจีนภายในเดือนนี้ และจะเปิดตัวในตลาดโลกภายในปีหน้า

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง