BYD Song PLUS DM-i 5 2025 เปิดตัวในจีน เริ่ม 680,000 บาท พร้อมเทคโลยีปลั๊กอินไฮบริดล้ำสมัย
BYD Song PLUS DM-i 5 2025 เปิดตัวในจีน เริ่ม 680,000 บาท พร้อมเทคโลยีปลั๊กอินไฮบริดล้ำสมัย

BYD ประกาศเปิดตัว Song PLUS DM-i รุ่นปรับโฉมใหม่ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยกำหนดราคาจำหน่ายระหว่าง 135,800 - 175,800 หยวน หรือประมาณ 680,000 - 880,000 บาท

Song PLUS DM-i มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด และออกแบบภายนอกได้อย่างน่าสนใจ ด้วยไฟหน้าได้รับการอัพเกรดใหม่ โลโก้ด้านหลังได้รับการปรับปรุง ด้วยการใส่ชื่อ BYD เข้าไป ส่วนด้านหน้ากระจังหน้าช่องรับอากาศตรงกลาง และ สไตล์ใช้โครงสร้างแนวนอน มาพร้อมล้อสปอร์ตขนาด 19 นิ้ว ยาง 235/50 R19 สปอยเลอร์ทั้งสองด้านเป็นแบบครบวงจรมีซันรูฟแบบพาโนรามา แร็คหลังคา

ขนาดตัวถัง ยาว 4,775 มม. กว้าง 1,890 มม. สูง 1,670 มม. ระยะฐานล้อ 2,765 มม. รัศมีวงเลี้ยว 5.55 เมตร ขนาดถังน้ำมัน 60 ลิตร

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำ มีความสะดวกสบายและหรูหรา ทั้งยังอัพเกรดเป็นระบบปฏิบัติการ DiLink100 ระดับไฮเอนด์สำหรับห้องนักบินอัจฉริยะ ที่มาพร้อมจอแสดงผลบนกระจกหน้า W-HUD ระบบช่วยเหลือในการตรวจสอบไดรเวอร์ DMS ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย 50W และลำโพง 10 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ในรถใหม่จะมีระบบกันสะเทือนอิสระ แบบสี่ลิงค์ รวมกับโช้คอัพแบบแปรผันความถี่ FSD ฟังก์ชั่นช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะใหม่

Song PLUS DM-i ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ปลั๊กอินไฮบริด ให้กำลัง 100 แรงม้า รวมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 214 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.7 วินาที ประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงสุดของเครื่องยนต์ถึง 46.06% แบตเตอรี่ขนาด 12.9kWh วิ่งไฟฟ้า 75 กม. CLTC ครอบคลุมการวิ่ง 1,415 กม./ถังน้ำมัน รองรับการชาร์จ AC 3.3kW แบตเตอรี่ขนาด 18.3kWh วิ่งไฟฟ้า 112 กม. CLTC ครอบคลุมการวิ่ง 1,450 กม./ถังน้ำมัน รองรับการชาร์จ DC 26kW แบตเตอรี่ขนาด 26.6kWh อัตราสิ้นเปลือง 25.6 กม./ลิตร รองรับฟังก์ชันการจ่ายไฟภายนอกขนาด 6.6kW

ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนหน้า MacPherson และ ระบบกันสะเทือนหลัง 4-Link พร้อมด้วยดิสก์เบรกหน้า-ดิสก์เบรกหลัง

BYD DM-i รุ่นที่ 5 เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ BYD ใช้ในการพัฒนารถยนต์ไฮบริด โดยรุ่นนี้มีการปรับปรุงหลายด้านจากรุ่นก่อนหน้า ดังนี้

1. เพิ่มประสิทธิภาพพลังงานที่ดีขึ้นด้วยการปรับปรุงการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์

2. ระยะทางขับขี่ที่ยาวขึ้น ด้วยการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า

3. การชาร์จที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพด้วยระบบการชาร์จแบตเตอรี่ได้รับการปรับปรุงให้รวดเร็ว

4.รุ่นที่ 5 มาพร้อมกับการพัฒนาควบคุมการขับขี่ที่ดีขึ้น

5. มีการใช้เทคโนโลยี AI ควบคุมจัดการพลังงานและประสิทธิภาพการขับขี่

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง