Ferrari 12Cilindri  2025 สปอร์ต GT เครื่องยนต์ 12 สูบ ขุมพลังแกร่ง 830 แรงม้า
Ferrari 12Cilindri 2025 สปอร์ต GT เครื่องยนต์ 12 สูบ ขุมพลังแกร่ง 830 แรงม้า

Ferrari 12Cilindri (เฟอรารี่ โดดิชิ ชิลินดรี) เป็นรถยนต์สปอร์ตแบบแกรนด์ทัวริ่งรุ่นใหญ่ ที่เหมาะสำหรับเดินทางระยะไกล โดยการออกแบบ Ferrari 12Cilindri ยังใช้ภาษาเดียวกับ 812 Superfast รุ่นก่อนหน้า ทั้งยังได้แรงบันดาลใจมาจาก Ferrari 365 GTB4 ในอดีต ซึ่งนิยมเรียกกันว่า Ferrari Daytona

ส่วนสาเหตุที่ Ferrari เลือกใช้ดีไซน์จากอดีตของ 365 GTB4 Daytona พร้อมชื่อ 12Cilindri หรือแปลว่า 12 กระบอกสูบนั้น เพื่อต้องการสื่อสารถึงความเกรียงไกรของเครื่องยนต์ วี 12 สูบ แคมชาฟต์ 4 แท่ง หรือเป็นการสร้างให้โลกจำ เพราะในอนาคตรถยนต์อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าในที่สุด

ทั้งนี้ Ferrari 12Cilindri มีตัวถัง 2 แบบ คือ คูเป้ และ เปิดประทุน ราคาจะเริ่มต้นที่ 395,000 ยูโร หรือ 15.6 ล้านบาท สำหรับรุ่นคูเป้ และเพิ่มเป็น 435,000 ยูโร หรือ 17.2 ล้านบาท ในรุ่นเปิดประทุน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะจำหน่ายและส่งมอบในยุโรปก่อนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 เป็นต้นไป

โดยการออกแบบดีไซน์ภายในของ Ferrari 12Cilindri มีความคล้ายกับของ Ferrari Pursangue ด้วยคอนโซลหน้าออกแบบเป็นสไตล์ Dual-Cockpit พวงมาลัยที่มีปุ่มควบคุม พร้อมจอมัลติฟังก์ชันขนาด 10.25 นิ้ว แทรกอยู่ตรงกลางระหว่างจอแสดงข้อมูลผู้ขับขี่ขนาด 15.6 นิ้ว กับจอผู้โดยสารขนาด 8.8 นิ้ว สำหรับเบาะนั่งติดตั้งมาแบบ 2 ที่นั่ง สามารถตกแต่งด้วยโทนสีที่หลายหลาย ไม่ว่าจะเป็นผนังด้านข้างและคอนโซลด้านบน พรม แผงบุหลังคา รวมไปถึงส่วนอื่นๆอีกมากมาย

Ferrari 12Cilindri ติดตั้งเครื่องยนต์ วี 12 สูบ ให้กำลังสูงสุด 830 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ/นาที (เมื่อใช้น้ำมันออกเทน 98) และแรงบิด 678 นิวตันเมตร ที่ 7,250 รอบ/นาที เรดไลน์ไปสุดที่ 9,500 รอบ/นาที เกียร์ DCT 8 สปีด ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง

สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 2.9 วินาที และถึง 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนการหยุดรถจาก 100-0 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะทาง 31.4 เมตร และจาก 200-0 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะทาง 122 เมตร

นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัย ระบบเตือนขณะเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลน, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS Evo และระบบ Side Slip Control 8.0 ที่สามารถประเมินสถานการณ์เมื่อยางเริ่มสูญเสียการยึดเกาะได้รวดเร็วมากขึ้น หรือถ้าต้องการระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ก็สามารถสั่งติดตั้งได้เช่นกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง