MG (เอ็มจี) เปิดตัว New MG ES (เอ็มจี อีเอส) รถยนต์ไฟฟ้าแวกอน 100% รุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "COMFORTABLE เป็นทุกอย่างเพื่อทุกโมเมนต์" ดีไซน์อันเรียบหรูดูล้ำสมัยในแบบฉบับ New Era Design พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางพร้อมฟังก์ชันสุดครบครัน ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ และความปลอดภัยเหนือชั้น เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เน้นไลฟ์สไตล์หลากหลาย ชูจุดขายเรื่องดีไซน์เรียบหรูทันสมัย พร้อมความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น
รูปโฉมภายนอก ชุดกันชนหน้าไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Light Curtain Design โฉบเฉี่ยวมากขึ้น เสริมการใช้งานมากขึ้นด้วยชุดราวหลังคา (Roof Rail) ที่รับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม และด้วยรูปโฉมสไตล์สเตชันวากอน มาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย ทั้งยังสามารถบรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,367 ลิตร
ตกแต่งภายในด้วยเส้นสายโทนสีฟ้า ENERGETIC BLUE STRIP ให้ภายในหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมเบาะนั่งวัสดุหุ้มหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN ให้ผิวสัมผัสคล้ายยีนส์ ปรับลุคให้ดูมีความทันสมัยและดูแลรักษาง่าย ชุดเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ ยกขอบปีกข้าง พร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats กระจายน้ำหนักและรองรับสรีระของผู้นั่งให้ดียิ่งขึ้น เดินทางระยะไกลได้สบาย
E- PERFORMANCE: สเตชันวากอน EV แนวใหม่กับประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและเหนือระดับ
New MG ES มาพร้อมแพลตฟอร์มระบบส่งกำลัง ใหม่ล่าสุด ที่มีขนาดและน้ำหนักลดลง แต่ประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 53% ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร
ซึ่งมอเตอร์แบบใหม่นี้ให้การตอบสนองดีขึ้น โดยปรับเร่งรอบได้สูงถึง 15,000 รอบ/นาที ทำให้ NEW MG ES สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 185 กม./ชม. เสริมประสบการณ์การขับขี่ไปอีกระดับด้วยระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ถึง 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย เข้าโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพกับรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.95 เมตร
New MG ES มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh มีการปรับปรุงให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 22% และระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้สมรรถนะในการขับเคลื่อนได้ไกลถึง 412 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE)
รองรับการชาร์จทั้งแบบ Quick Charge จาก 0% - 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 87 kW และ Normal Charge รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW ใช้เวลาการชาร์จจาก 0% – 100% 7 ชั่วโมง 15 นาที ผ่าน MG HOME CHARGER ที่ 6.6 kW อีกทั้งยังรองรับระบบ V2L (Vehicle to Load) เปลี่ยนรถไฟฟ้าให้เป็นแหล่งจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์
SAFETY: ปลอดภัยและอุ่นใจ...สบายใจทุกการเดินทาง
มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM และระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 20 ระบบ อาทิ ระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) เป็นต้น
นอกจากนี้ NEW MG ES ยังมาพร้อมระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART รูปแบบ Lite version ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและรับการแจ้งเตือนสำคัญของรถ MG ของตัวเองได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์ ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์ ระบบสั่งการกุญแจดิจิตอล ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน Emergency Call หรือ ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE เป็นต้น
NEW MG ES มาพร้อมกับสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Andes Gray) สีแดง (Scarlet Red) และ สีเงิน (Champagne Silver) และตกแต่งภายในสไตล์ทูโทน พร้อมหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของรถรุ่นนี้ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มี Modern Lifestyle ที่ไม่ได้จำกัดแค่เพียงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในบ้านเดียวกันเท่านั้น ยังรวมไปถึงความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนและคนสนิทที่เน้นการมีไลฟ์สไตล์ในรูปแบบที่หลากหลายร่วมกัน โดย NEW MG ES ถือเป็นส่วนหนึ่งในทุกๆ โมเม้นต์สำคัญของการใช้ชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้
New MG ES จะมีกำหนดการทยอยส่งมอบให้ถึงมือลูกค้าภายในเดือนเมษายนนี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในฐานะ ผู้บุกเบิกและผู้นำตลาดรถไฟฟ้าในไทย เอ็มจี ยังเดินหน้าขยายระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ECOSYSTEM ให้ครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อให้ไทยก้าวเข้าสู่สังคมอีวีอย่างแท้จริง