Maserati (มาเซราติ ประเทศไทย) เปิดตัว Maserati GranTurismo (มาเซราติ กรันทูริสโม) โฉมใหม่ อย่างเป็นทางการ นับเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ ที่เริ่มขึ้นจาก Maserati A6 1500 เมื่อ 77 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นยนตรกรรมสไตล์ GT ที่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับทางไกล
พร้อมเปิดรับจองทั้ง 3 รุ่นย่อย คือ Modena (โมเดนา), Trofeo (โทรเฟโอ) และสุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น Folgore (โฟลกอเร) ที่แปลว่าสายฟ้าในภาษาอิตาเลียน ภายใต้ Concept "The Others Just Travel" ที่มอบประสบการณ์พิเศษ มากกว่าคำว่าการเดินทาง
ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า “มาเซราติ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา ผ่านยนตรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานความตั้งใจในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง Formula E (ฟอร์มูล่า อี)
และวันนี้นับเป็นโอกาสดี ที่ลูกค้าในไทยจะได้สัมผัสกับ Maserati GranTurismo โฉมใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์ และขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน กับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 77 ปี พร้อมเชื่อมั่นว่ายนตรกรรมรุ่นนี้ จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า มาเซราติ อย่างแน่นอนครับ”
งานดีไซน์ของ กรันทูริสโม นำเสนอความสง่างามและสมรรถนะเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และสามารถจดจำได้ในทันที เส้นสายดูเรียบง่ายแต่ชัดเจน ผสานประสิทธิภาพ การขับเคลื่อนที่ดีสุดในเซกเมนต์ สะท้อนตัวตนและความพิถีพิถันในการออกแบบ
ขณะเดียวกันก็สามารถรักษาสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยฝากระโปรงหน้าทรงยาวและตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 พร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสา C ที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่
ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), Infotainment ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ Comfort Display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์, นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Digital Smart Clock) และ Head-Up Display (เป็นออปชั่น)
นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ "All-Round Sound Experience" การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System และมีออปชั่นพิเศษกับสุดยอดเครื่องเสียงสัญชาติอิตาลี "Sonus Faber" ลำโพง 12 ตำแหน่ง และ 19 ตำแหน่งให้เลือก
ขุมพลังเบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร Twin Turbo Nettuno บล็อกเดียวกับที่ใช้ในซูเปอร์คาร์รุ่น MC20 ติดตั้งในสองรุ่นย่อย คือ Modena ทำได้ 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตัน-เมตร และ Trofeo ที่อัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น 550 แรงม้า (HP) แรงบิด 650 นิวตัน-เมตร
ส่วน GranTurismo Folgore ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ 402 แรงม้า (HP) จำนวน 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) ผสานเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ความจุ 92.5 kWh เทคโนโลยีของรถแข่ง Formula E (ฟอร์มูลา อี) ติดตั้งแบตเตอรี่ไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถ (T-Bone) แทนที่การติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อสมดุลและจุดศูนย์ถ่วงของรถ ทำได้ 761 แรงม้า (HP) แรงบิด 1,350 นิวตัน-เมตร
กับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดตามลำดับ คือ รุ่น โมเดนา 3.9 วินาที 302 กม./ชม., รุ่น โทรเฟโอ 3.5 วินาที 320 กม./ชม. และรุ่น โฟลกอเร 2.7 วินาที 325 กม./ชม. Maserati GranTurismo รุ่น โมเดนา มาพร้อม 3 โหมดการขับ คือ GT, Comfort และ Sport ขณะที่รุ่น โทรเฟโอ เพิ่มโหมด Corsa ส่วนรุ่น โฟลกอเร มี 4 โหมด คือ GT, Max Range, Sport และ Corsa
สถาปัตยกรรมเชิงเทคนิคของรถรุ่นใหม่นี้ คือ ผลลัพธ์ของนวัตกรรมในการนำวัสดุที่เบาที่สุดมาใช้เช่น การใช้อะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียม ร่วมกับโลหะเกรดสูง เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุที่เบาและมีประสิทธิภาพชั้นเลิศ นอกจากนั้นยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High อันล้ำสมัย ภายใต้มาตรฐาน canFD ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วสุดถึง 0.002 วินาที
มาพร้อมระบบ Cyber-Security ระดับ 5 และฟีเจอร์ Flash-Over-The-Air และศูนย์กลางในการควบคุมระบบ Vehicle Domain Control Module (VDCM) ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่มอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับ ในการควบคุมระบบที่สำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360 องศา
ความฉับไวแบบรถสปอร์ต ความหรูหรา และความสะดวกสบาย เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า จากจุดเริ่มต้นของการพัฒนา Maserati GranTurismo โฉมใหม่ ที่ผ่านการพัฒนาจาก Maserati Innovation Lab และผลิตที่โรงงาน มิราฟิออรี เมืองตูริน ประเทศอิตาลี สะท้อน "ความหรูหราและสมรรถนะแบบอิตาเลียน" เป็นแนวคิดที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ มาเซราติ ทุกรุ่น
พร้อมแสดงให้เห็นว่า มาเซราติ สามารถลบล้างสมการที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ โดยผสมผสานสมรรถนะแบบรถสปอร์ต กับความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับการขับทางไกล รวมถึงเครื่องยนต์สันดาปภายในอันทรงพลัง กับสุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% เปรียบเสมือนมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์ในเซกเมนต์
- Maserati GranTurismo Flogore ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท
- Maserati GranTurismo Modena ราคาเริ่มต้น 14.5 ล้านบาท
- Maserati GranTurismo Trofeo ราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท
*ราคารวม Warranty 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
*Battery Warranty นาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร