MINI (มินิ) ฉลองการต้อนรับของแฟนๆ ชาวไทยที่มีต่อซีรีส์คลับแมน ด้วยการเปิดตัวมินิรุ่นล่าสุด MINI Cooper S Clubman Final Edition (มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Final Edition) ซึ่งเป็นรุ่นลิมิเต็ดรุ่นสุดท้ายก่อนเลิกผลิต โดยผลิตเพียง 1,969 คันทั่วโลก ตามปีที่ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน รุ่นดั้งเดิมได้เปิดตัวเป็นครั้งแรก นำเข้าไทยจำนวนจำกัดเพียง 50 คันเท่านั้น
MINI Cooper S Clubman Final Edition ยังคงสืบทอดคอนเซ็ปต์ Shooting-Brake แบบคลาสสิคตามสไตล์ของมินิ พร้อมฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้างอันเป็นเอกลักษณ์ ให้พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางที่มีความจุสูงสุดถึง 1,250 ลิตร
ภายนอกตกแต่งด้วยสีทองแดง Shimmer Copper บริเวณรอบกระจังหน้าที่สะท้อนให้เห็นถึงดีไซน์อันโดดเด่นเสมอมาของมินิ ตราสัญลักษณ์ Final Edition บนฝากระโปรงท้ายและปีก Side Scuttle ด้านข้าง
เสริมด้วยลายกราฟฟิกบนล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว ตกแต่งลวดลายแบบสองสีด้วยสารเคลือบเงาแบบใสให้ดูคล้ายทองแดง
ส่วนภายในตัวรถยังคงคุมโทนด้วยการใช้สีทองแดงตกแต่งลวดลายตัวอักษรเงางาม "Final Edition" บริเวณขอบประตูและตรงตำแหน่งด้านล่างของพวงมาลัยหุ้มหนังแบบสปอร์ต และเลขรหัส "1 of 1969" บนป้ายซึ่งอยู่ตรงขอบประตูฝั่งผู้โดยสารและแผ่นยางปูพื้น
ขณะที่ส่วนอื่นๆ ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสไตล์ที่ผสานกันอย่างลงตัวกับเบาะหนัง MINI Yours Leather Lounge in 60 Years สี Dark Maroon และหลังคากระจกแบบพาโนรามา
ในส่วนของความบันเทิง ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถสนุกสนานไปกับแผงหน้าปัดดิจิทัล ระบบ Infotainment แบบ ‘Exclusive’ แสดงผลผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว ระบบเสียงสุดสมจริงของ Harman Kardon พร้อมแพ็คเกจระบบนำทาง Connected Navigation ที่รองรับ Apple CarPlay
MINI Cooper S Clubman Final Edition ให้พละกำลัง 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Double Clutch 7 สปีด พร้อม Steptronic อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 228 กม./ชม.
โดย MINI Cooper S Clubman Final Edition ยังมาพร้อมสีขาว Nanuq White สีดำ Enigmatic Black และสีเงิน Melting Silver ในราคา 3,299,000 บาท (ราคารวมแพ็กเกจ MSI Standard)