ครม. เคาะงบกลางฯ อีก 1 พันล้าน ให้ส่วนลด "รถยนต์ไฟฟ้า" เพิ่มอีก หลังรถเข้าโครงการเกิน 20,000 คัน
ครม. เคาะงบกลางฯ อีก 1 พันล้าน ให้ส่วนลด "รถยนต์ไฟฟ้า" เพิ่มอีก หลังรถเข้าโครงการเกิน 20,000 คัน

คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 1,024,414,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ 

ครม. เคาะงบกลางฯ อีก 1 พันล้าน ให้ส่วนลด "รถยนต์ไฟฟ้า" เพิ่มอีก หลังรถเข้าโครงการเกิน 20,000 คัน

เพื่อให้มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิตามมาตรการฯ ที่จะต้องลงทุนในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศภายในปี 2567 - 2568 ตามเงื่อนไขของมาตรการฯ และสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในการตัดสินใจซื้อยานยนต์ไฟฟ้าต่อไป

ครม. เคาะงบกลางฯ อีก 1 พันล้าน ให้ส่วนลด "รถยนต์ไฟฟ้า" เพิ่มอีก หลังรถเข้าโครงการเกิน 20,000 คัน

โดยนโยบายมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของไทยในปัจจุบัน ประกอบด้วย

- การลดภาษีนำเข้า รถที่นำเข้าทั้งคัน จะลดภาษีจาก 40% เหลือ 0% และในปัจจุบันขยายเป็น 60% เหลือ 0%
- การลดภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2%
- การให้เงินสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 150,000 บาทต่อคัน

ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายที่มีแผนผลิตในไทยในปี 2567 และราคารถยนต์ไฟฟ้าต้องไม่เกิน 2 ล้านบาท

ครม. เคาะงบกลางฯ อีก 1 พันล้าน ให้ส่วนลด "รถยนต์ไฟฟ้า" เพิ่มอีก หลังรถเข้าโครงการเกิน 20,000 คัน

ทั้งนี้งบกลางฯ ที่ได้อนุมัติเพิ่มเติมในครั้งนี้ เนื่องจากวงเงินที่ ครม.ชุดที่ผ่านมาได้อนุมัติไว้ก่อนหน้ามีวงเงินทั้งสิ้น 3 พันล้านบาท ซึ่งให้เป็นส่วนลดที่ค่ายรถยนต์ ใช้เป็นโปรโมชั่นลดราคารถยนต์ไฟฟ้าถึง 150,000 บาท/คัน โดยวงเงินดังกล่าวสนับสนุนส่วนลดรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 20,000 คัน

ครม. เคาะงบกลางฯ อีก 1 พันล้าน ให้ส่วนลด "รถยนต์ไฟฟ้า" เพิ่มอีก หลังรถเข้าโครงการเกิน 20,000 คัน

แต่ปัจจุบันคนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และเข้าโครงการนี้มากกว่าที่คาดการณ์ จึงต้องของบประมาณเพิ่มอีกประมาณ 1 พันล้านบาท เนื่องจากยอดการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าโครงการนี้ในช่วงที่ผ่านมา มากกว่า 3.7 หมื่นคัน และอาจเพิ่มขึ้นถึง 5 หมื่นคัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง