
อัปเดตกฎหมาย "เมาแล้วขับ" 2568 โทษหนักขึ้น ปรับสูงสุดเท่าไหร่ ที่นี่มีคำตอบ!
ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นประจำทุกปีมักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างรณรงค์ "เมาไม่ขับ" เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน
จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ของ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 4 มกราคม 2567 เกิดอุบัติเหตุสะสม 2,288 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 2,307 ราย เสียชีวิต 284 ราย
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องปราบผู้ใช้รถใช้ถนนให้ร่วมกัน กฎหมายเมาแล้วขับ ได้มีการยกระดับอัปเกรดให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
“เมาแล้วขับ” ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่เกินกฎหมายกำหนด
ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่นับว่าผิดกฎหมาย มีดังนี้
1. ผู้ที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- กรณีผู้ขับขี่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์
- ผู้ไม่มีใบขับขี่
- ผู้อยู่ระหว่างถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่
- ผู้ขับขี่ที่มีใบอนุญาตขับรถชั่วคราว (ใบอนุญาตแบบ 2 ปี) ถือเป็น “ผู้เมาสุรา”
2. ผู้ที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- กรณีผู้ขับขี่ที่เป็นบุคคลทั่วไป
วิธีทดสอบระดับแอลกอฮอล์
หากวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจไม่ได้ ให้วัดจากร่างกายแทน โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ขับขี่
1. วัดปริมาณแอลกอฮอล์จาก “ลมหายใจ” ด้วยเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์โดยการเป่า
2. วัดปริมาณแอลกอฮอล์จากร่างกาย สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่
- “ตรวจวัดจากปัสสาวะ” เก็บตัวอย่างส่งโรงพยาบาล หรือสถานที่ที่กำหนด เพื่อให้ห้องปฏิบัติการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์
- “ตรวจวัดจากเลือด” ส่งตัวผู้ขับขี่ไปโรงพยาบาลใกล้ที่สุด เพื่อเก็บตัวอย่างเลือด ด้วยวิธีทางการแพทย์
เปิดบทลงโทษ “เมาแล้วขับ” เข้มงวดมากขึ้น
หลังทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด แล้วพบว่ามีความผิด ผู้ที่เมาแล้วขับและหลักฐานทั้งหมดจะถูกส่งไปยังพนักงานสอบสวนโดยเร็ว และจะต้องไม่เกิน 6 ชั่วโมง เพื่อดำเนินคดี
กรณีปฏิเสธไม่เป่า
- ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ที่สั่งทดสอบ ปรับครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท
- ฝ่าฝืนไม่เป่า สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องกักตัวผู้ขับขี่ที่เชื่อว่า “เมาแล้วขับ” เพื่อทดสอบในระยะเวลาที่จำเป็น และให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
กรณีทำผิดครั้งแรก
- รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
กรณีทำผิดซ้ำอีก
- ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับจากครั้งแรก (อยู่ในช่วงคาดโทษ) เพิ่มโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 5,000 – 100,000 บาท และถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ
- รับโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี ปรับ 20,000 – 100,000 บาท และถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส
- รับโทษจำคุกตั้งแต่ 2 – 6 ปี ปรับ 40,000 – 120,000 บาท และถูกระงับใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 2 ปี
กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
- รับโทษจำคุกตั้งแต่ 3 – 10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที
ความรับผิดชอบทางประกันภัย
ในส่วนของประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ยังคงคุ้มครองแม้ผู้ขับขี่จะเมาแล้วขับ ขณะที่ประกันภัยภาคสมัครใจ จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการเมาแล้วขับ
ทั้งนี้ กฎหมาย มีไว้เพื่อควบคุมและป้องกันปราบปรามเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ‘จิตสำนึก’ และ ‘ความรับผิดชอบ’ ของผู้ขับขี่ทุกคน หากต้องดื่มก็ควรมีสติ และเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือให้คนอื่นขับรถแทน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทาง