รู้แล้วสาเหตุ ตร.ไม่เป่าแอลกอฮอล์ "ติ๊ก ชิโร่" ในที่เกิดเหตุ
ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต หลังจากที่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (04.00 น.) นักร้องชื่อดัง ติ๊ก ชิโร่ อายุ 63 ปี ขับรถตู้ชนรถจักรยานยนต์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เนื่องจากตกจากทางยกระดับ
โดยนักร้องดังอยู่ในที่เกิดเหตุยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถคันดังกล่าวเอง เหตุเกิด ณ บริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ช่วงสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
ซึ่งหลังเกิดเหตุไม่นาน ติ๊ก ชีโร่ ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่พลาดทำไป พร้อมกับก้มกราบรอยเลือดคนเสียชีวิตบนสะพานด้วยความเสียใจ โดยมีหญิงสาว คาดว่าเป็นภรรยาเข้ามาปลอบใจ และยืนรอมอบตัว
คืบหน้ากรณี"ติ๊ก ชิโร่"ขับรถยนต์ ขับรถชนรถจักรยานยนต์ ดับ 1 สาหัส 1 ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้า โดยล่าสุด นายจีรวัฒน์ ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้เปิดเผยว่า อาการของลูกชายคนเล็กขณะนี้พบว่า กะโหลกศีรษะร้าว กระดูกต้นคอแตกหัก และยังอยู่ในอาการโคม่า แพทย์บอกว่ามีโอกาสรอด 10% ตอนนี้อยู่ระหว่างการ ประสานขอย้ายโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิ์ เนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอ และจะประสานไปยังโรงพยาบาลที่มีหมอเฉพาะทางด้วย หลังเกิดเหตุ ติ๊ก ชีโร่ ได้เข้ามาคุยกับตนเองและยอมรับว่าเป็นคนขับรถตู้ และบอกว่าจะรับผิดชอบทั้งหมด
พันตำรวจเอกนเรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการ สน.คันนายาว เปิดเผยว่า ในส่วนของติ๊ก ชีโร่ ที่มีข่าวออกมาว่าหลังจากพบเจอกับพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต และได้หายตัวไปติดต่อไม่ได้นั้น จากการตรวจสอบพบว่าหลังเกิดเหตุ ติ๊กได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกับญาติตั้งแต่ช่วง 6.00 น. โดยทางแพทย์ได้ประเมินให้อยู่พักรักษาตัว และแบตโทรศัพท์ของติ๊กหมด จึงทำให้ติดต่อไม่ได้
ทั้งนี้ได้ประสานให้ทางโรงพยาบาลตรวจเลือดหาค่าปริมาณแอลกอฮอล์ของติ๊กแล้ว คาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน ส่วนติ๊กหากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน ตำรวจก็จะเรียกมาสอบปากคำทันที ส่วนประเด็นที่ทำไมถึงไม่ให้ติ๊ก เป่าแอลกอฮอล์ในที่เกิดเหตุนั้น เนื่องจากติ๊กมีอาการเจ็บหน้าอกไม่สามารถเป่าได้ จึงให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลและติ๊กก็ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาตอนนี้ยังไม่สามารถแจ้งได้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือด และหากผลการตรวจออกมามีแอลกอฮอล์ในเลือดก็จะแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอน แต่หากผลออกมาไม่มีแอลกอฮอล์ในเลือดก็อาจจะมีความผิดเข้าข่ายฐานประมาทร่วม แต่ก็ต้องดูหลักฐานอื่น ๆ ในที่เกิดเหตุประกอบ