นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน ก.ค. 67 มีทั้งสิ้น 124,829 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 66 ถึง 16.62% เพราะการผลิตขายในประเทศลดลง 40.85% ตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงจากการเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์นั่ง ICE อยู่ที่ 11,837 คัน, รถยนต์นั่ง BEV อยู่ที่ 68,835 คัน, รถยนต์นั่ง PHEV อยู่ที่ 160 คัน และรถยนต์นั่ง HEV อยู่ที่ 3,904 คัน รวมยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งอยู่ที่ 8,904 คัน ส่วนรถกระบะยอดขายอยู่ที่ 13,167 คัน, รถ PPV อยู่ที่ 2,958 คัน, รถบรรทุก อยู่ที่ 1,318 คัน และอื่นๆ อีก 1,215 คัน โดยรวมยอดจำหน่ายรถยนต์ทั้งหมดในเดือน ก.ค. 67 อยู่ที่ 46,394 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 20.58%
ด้านการผลิตเพื่อส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 7 เดือนแรกปี 67 (ม.ค.-ก.ค. 67) อยู่ที่ 602,567 คัน ลดลง 5.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอนนี้เรายังไม่ปรับเป้าการผลิต เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังมีอัตราขยายตัวได้ดี โดยหวังว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะคลี่คลายหากไม่มีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น
"เราจะเห็นได้ว่ายอดขายรถกระบะกับรถบรรทุกที่ลดลงนั้นบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ส่วนรถยนต์นั่งที่ลดลงส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า แต่สิ่งที่เรากังวลที่สุด คือ การปล่อยสินเชื่อตามสภาพเศรษฐกิของประเทศ เพราะสถาบันการเงินเข้มงวด โดย ณ ไตรมาส 2/67 (สิ้นสุด 30 มิ.ย. 67) เราพบหนี้เสียรถยนต์ 254,000 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 29.7% แต่ยอดหนี้รถลดลงเพราะไฟแนนซ์ไม่ปล่อยกู้ เราหวังว่ารัฐบาลใหม่ตั้งเสร็จแล้วคงรีบนำงบประมาณปี 68 มาใช้ทันการเบิกจ่ายวันที่ 1 ต.ค. 67 รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายในประเทศในช่วง 4 เดือนสุดท้ายดีขึ้น"