จากสถานการณ์อุทกภัยภาคเหนือ ส่งผลกระทบให้บ้านเรือน รถยนต์ และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) ในการลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัย
พร้อมทั้งติดตามและรายงานความเสียหายเพื่อเตรียมพร้อมในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย และบูรณาการร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่
ส่วนของรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม ให้ยึดถือแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับ คือ
ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท
ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท
ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท
ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป
ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน กรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัย
หากมีข้อสงสัยเรื่องประกันภัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) 0-5311-2730-2
อย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่เราซื้อเสียก่อนว่า มีการรับประกันความเสียหายจากน้ำท่วมหรือไม่ ด้วยการตรวจสอบไปยังบริษัทประกันเพื่อยืนยันความแน่ใจ
วิริยะประกันภัยระดมพล นำ ปฏิบัติการ FIRST AID เร่งกู้รถน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ
นายณัฐพงศ์ บุญเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิริยะประกันภัย มีการรับประกันภัยรถยนต์ไว้เป็นส่วนใหญ่ จากรายงานของศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในเขตพื้นที่อุทกภัย ณ วันที่ 23 สิงหาคม พบว่า มีรถยนต์เกิดความเสียหายจากน้ำท่วม จำนวน 23 คัน แบ่งเป็น จังหวัดเชียงราย 13 คัน จังหวัดแพร่ 6 คัน จังหวัดพะเยา 3 คัน และจังหวัดน่าน 1 คัน
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ประสานไปยังเครือข่ายตัวแทน นายหน้า ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ในพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยง ให้ช่วยประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวไปโดยตรงต่อเจ้าของรถยนต์ว่า วิริยะประกันภัยพร้อมที่จะส่งรถยกไปนำรถออกจากพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่บริษัทฯ จัดไว้ให้ หรือพื้นที่ที่เจ้าของรถยนต์มีความประสงค์ โดยเจ้าของรถยนต์สามารถประสานขอใช้บริการรถยกได้โดยตรงกับบริษัท เพียงติดต่อผ่านเบอร์ 1557 แจ้งผ่านตัวแทน ดีลเลอร์ หรือใช้มือถือแจ้งผ่านระบบ VClaim on VCall ตลอด 24 ชั่วโมง
นายณัฐพงศ์ กล่าวต่อไปอีกว่า บริษัทฯ มีความพร้อมรับมือกับวิกฤตน้ำท่วมในทุกพื้นที่ทั่วไทยที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี โดยการใช้ ปฏิบัติการ FIRST AID นำรถยกเข้ากู้รถยนต์ออกมาจากพื้นที่เสี่ยงอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายจากอุทกภัยให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนี้ ยังให้ความสำคัญกับการอบรมพัฒนาเสริมสร้างความรู้ความชำนาญให้แก่พนักงาน รวมถึงพัฒนากระบวนการทำงานของปฏิบัติการ FIRST AID อยู่ตลอดเวลา จึงเชื่อมั่นได้ว่าไม่ว่าอุทกภัยจะเกิดขึ้นที่ไหน และมีรถยนต์เสียหายจำนวนมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนที่มีอยู่ทั่วประเทศไทยก็สามารถทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการสั่งการจากส่วนกลาง
นอกจากการระดมสรรพกำลังเข้ากู้และซ่อมแซมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของบริษัทฯ แล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้ระดมกลุ่มวิริยะจิตอาสาเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัย โดยบูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าสำรวจรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ให้สำรวจปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ไปพร้อมกัน แล้วจึงดำเนินการให้ความช่วยเหลือในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงกับสถานการณ์ความเดือดร้อนในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการเข้าช่วยเหลือประชาชนหลังน้ำลด เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาวะปกติต่อไป