วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์โตโยต้า (Toyota) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกพบว่ามียอดขายลดลงไปถึง 24% โดยจะพบว่าตลาดรถกระบะปรับตัวลดลงมากที่สุดถึง 40% สำหรับปัจจัยหลักที่กระทบต่อตัวเลขยอดขายของรถกระบะคือความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของไฟแนนซ์
ทั้งนี้หากพิจารณาตลาดรวมแต่ละเซ็กเมนต์มีปัญหาแตกต่างกัน หากสังเกตรถเครื่องยนต์ไฮบริดยังเติบโตอย่างต่อเนื่องแตกต่างจากเซ็กเมนต์อื่น ๆ จึงจะเห็นได้ชัดว่า โตโยต้า ยาริส ครอส และมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มียอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม ปีนี้เดิมโตโยต้ามีการคาดการณ์ตลาดรวมรถยนต์ไว้ที่ 800,000 คัน โดยเดือน เม.ย.ปรับตัวเลขประมาณการลดลงเหลือ 730,000 คัน และมาถึงปัจจุบันขอปรับตัวเลขลดลงอีกเหลือ 650,000 คัน ทั้งนี้เป็นผลบวกหลัก ๆ 2 เรื่อง ได้แก่ 1.รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มมีการประกอบและผลิตในไทย หากมีดีมานด์หรือความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง หรือมีตัวเลขยอดขายที่สูง จะทำให้ตลาดรวมอยู่ที่อาจจะมากกว่า 650,000 คันบวก
และสภาพเศรษฐกิจหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หากส่งผลดี จะมีผลในช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานของโตโยต้านั้น ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งทางการที่ 37.8% สูงกว่าตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้ว่ามาร์เก็ตแชร์น่าจะอยู่ที่ 34%
นอกจากนี้ นายศุภกรยังกล่าวถึงมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฮบริด ที่ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้อยู่ในระดับคงที่ในช่วงปี 2571-2575 จากเดิมอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 2% ทุก 2 ปีตามที่บอร์ดอีวีจะนำเสนอ ครม.นั้น โตโยต้าก็มองว่าเป็นนโยบายที่ดีที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และโตโยต้าก็ศึกษาเพิ่มเติมกับพาร์ตเนอร์ รวมถึงซัพพลายเออร์ เนื่องจากตลาดในเมืองไทยพอเห็นภาพการเติบโตของรถยนต์ไฮบริดแล้ว แต่ในส่วนของตลาดต่างประเทศก็อาจจะต้องดูว่าจะเป็นอย่างไร และมีการผลิตเพื่อการส่งออกได้หรือไม่
“เรามั่นใจเทคโนโลยีไฮบริดของเราว่า แข็งแกร่งพอที่จะบริการหลังการขาย ลูกค้ามั่นใจได้ว่าซื้อรถไฮบริดของเราแล้วไม่ต้องกังวล เป็นปัจจัยที่ยืนยันได้ ปัจจุบันดีลเลอร์โตโยต้าของเราก็ยังหนียวแน่น มีดีลเลอร์ทั้งหมด 155 ราย ส่วนบริการหลังการขาย ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด แม้จะมีต้นทุนในเรื่องช่างฝีมือเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเรายังคำนึงถึงลูกค้า การจะปรับหรือขยับราคาจะต้องกระทบผู้บริโภคให้น้อยที่สุด”