MINI (มินิ) ในปีนี้นอกจากจะเปิดตัว MINI Cooper (มินิ คูเปอร์) ใหม่ ในเจเนอเรชั่นที่ 5 กับรุ่นพลังงานไฟฟ้า 100% กันไปแล้ว ล่าสุดก็ยังได้เปิดตัวรถรุ่นทำเงินของค่ายนี้อีกรุ่นด้วยกัน อย่าง MINI Countryman (มินิ คันทรี่แมน) ซึ่งนับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้วใต้ร่มเงาของ BMW Group ซึ่งมาพร้อมกับความใหม่หมด แต่ยังคงเอกลักษณ์สไตล์มินิเอาไว้ พร้อมทางเลือกใหม่กับรุ่น EV ด้วยเช่นกัน
รูปโฉมภายนอกดูโมเดิร์น ทันสมัยมากกว่าเดิม โดยใช้ Design Language ออกแบบใหม่กับ Charismatic Simplicity ที่คงเอกลักษณ์จากรุ่นเดิมไว้ แต่ปรับให้มีความโค้งลง และเส้นสายชัดเจนขึ้น ให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd= 0.26 (ในรุ่นพลังงานไฟฟ้า) ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมที่ค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน Cd = 0.31
เริ่มด้วยชุดไฟหน้า LED แบบทรงเหลี่ยมดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟ Daytime Running Light กับกระจังหน้าใหม่ทรง 8 เหลี่ยมพร้อมโครเมียม ใหญ่ขึ้น ด้านล่างใช้สีเดียวกับตัวรถ ด้านข้างดูบึกบึน หนักแน่นไปกับเส้น Horizontal Beltline ข้างตัวรถ
ใช้ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว ส่วนหลังคาเป็นแบบ Floating ลอยตัว ใช้เสาตัวรถสีดำหมด มือจับประตูเป็นแบบเรียบ (แต่มีช่องเว้าให้เปิด) พร้อมซุ้มล้อสีดำขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม และไฟท้ายแบบ Matrix LED ดูบาง และเล็กลง แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์รูปลายกราฟิก Union Jack ด้านใน พร้อมสปอยเลอร์หลัง
มิติตัวรถยาว 4,433 มม. กว้าง 1,843 มม. สูง 1,656 มม. และระยะฐานล้อ 2,692 มม. ซึ่งใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมทุกมิติ
ห้องโดยสารภายในเน้นความเรียบง่ายเหมือนกับใน MINI Cooper ที่ลดปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ และใช้วัสดุสิ่งทอตกแต่งภายใน และมีหน้าจอ HUD บนกระจกหน้า และยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน กับเบาะนั่งหลังเลื่อนไปมาได้ถึง 13 ซม. และปรับได้ถึง 6 ตำแหน่ง
แผงแดชบอร์ดมาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 9.4 นิ้ว ตรงกลาง เป็นทั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ และหน้าจอ Infotainment ทำงานผ่านระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 ที่ใช้ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถ และระบบสั่งงานด้วยเสียงที่เรียกว่า Spike
ส่วนคอนโซลกลางมีชุดควบคุมสั่งงานภายในแบบสวิตช์ 5 ตัว ควบคุมฟังก์ชันการขับขี่ที่สำคัญ ได้แก่ เบรกมือ, ตำแหน่งเกียร์, ปุ่มสตาร์ทรถ, ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ และปุ่มปรับระดับเสียง และพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายความจุ 460 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงจะเพิ่มพิ่นที่ได้ถึง 1,450 ลิตร
แน่นอนว่าขุมพลังของ All-New MINI Countryman มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล บนระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4
แต่จุดเด่นจะอยู่ที่รุ่น Countryman E มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.6 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 170 กม./ชม.
ส่วนรุ่น Countryman SE ALL4 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 494 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.6 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 180 กม./ชม.
แบตเตอรี่ทั้งสองรุ่นมีขนาดความจุ 66.45 kWh โดยรุ่น Countryman E วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 462 กม. เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ส่วนรุ่น Countryman SE ALL4 วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 433 กม. เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
ทั้ง 2 รุ่น รองรับการชาร์จไฟแบบ DC กำลังไฟสูงสุด 130 kW ให้กำลังไฟจาก 10-80% ในเวลาไม่ถึง 30 นาที และรองรับการชาร์จไฟกระแสสลับ AC ขนาด 22 kW
MINI Countryman ใหม่ มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Essential, Mid-Range Classic, Favoured และ John Cooper Works เป็นต้น
สำหรับ All-New MINI Countryman จะผลิตที่โรงงานในเมือง Leipzig (ไลป์ซิก) ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 พร้อมเปิดตัวรายละเอียดและราคาทั้งหมดในช่วงเดียวกัน