Automobili Pininfarina (ออโตโมบิลี ปินินฟารินา) นำเสนอยุคใหม่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าผ่านแนวคิดการออกแบบ PURA Vision (พูรา วิชั่น) รูปทรงที่หรูหราและสัดส่วนอันน่าทึ่งของการออกแบบแสดงถึงปรัชญาของบริษัทอย่าง "พูรา" (PURA) พลิกโฉม DNA อันเป็นเอกลักษณ์ในอดีตของ Pininfarina สู่อนาคตในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์ไฟฟ้าสุดหรู (e-LUV)
แนวคิดการออกแบบใหม่นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับรถยนต์หรูหราพลังงานไฟฟ้ารุ่นต่อไปของ Automobili Pininfarina และจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2023 ในงาน Monterey Car Week โดยจะปรากฏพร้อมกับรถยนต์ Battista Edizione Nino Farina hyper GT ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมรถยนต์รุ่นใหม่อีกรุ่นที่สวยงามไม่แพ้กัน
PURA Vision แสดงถึงการตีความที่โดดเด่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับหรู ด้วยสัดส่วนห้องโดยสารด้านหลังที่โดดเด่น เอกลักษณ์แบบไดนามิกพร้อมรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ เรือนกระจกแบบแคบ และประตูสามบานแบบไร้เสาซึ่งมอบการเข้าถึงห้องโดยสารที่ซับซ้อนได้สูงสุด
การออกแบบที่เหนือกาลเวลาคือจุดเด่นของ Automobili Pininfarina ตลอด 94 ปีที่ผ่านมาและ PURA Vision ทั้งคลาสสิกและรายละเอียดที่ประณีต ในประติมากรรมที่ไม่เหมือนใครด้วยฝากระโปรงทรงเตี้ย และบังโคลนทรงสูง ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถยนต์รุ่น Cisitalia ที่โด่งดังในปี 1947
PURA Vision โดดเด่นด้วยหน้าปัดไฟหน้าแบบซ่อนและเทคโนโลยีไฟส่องสว่าง L.E.S.S. เส้นใยนาโน พร้อมไฟ Daytime Running Light เส้นใยที่มีความหนาน้อยกว่า 1 มม. สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับการออกแบบได้เกือบทุกรูปแบบ
ในขณะที่โครงสร้างน้ำหนักเบา ตัวไฟหน้าประกอบอยู่ส่วนล่างที่ใช้การออกแบบเชิงเทคนิคอเนกประสงค์แบบเต็มความกว้าง ช่วยระบายความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก พร้อมตัวถังสีขาว Bianco Sestriere แบบเงา ตัดกับชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ด้านล่าง และห้องกระจกแคบและหลังคาแบบลอยตัวสีดำเงาด้านบน
ห้องโดยสารหลังของพูรา วิชั่น และระยะยื่นสั้นทำให้มีดูมีเค้าโครงที่ทรงพลัง ในขณะที่ล้ออัลลอยขนาด 23 นิ้ว ทำให้ดูแข็งแกร่ง บริเวณยางยังมีแถบสีขาว ที่ดูกลมกลืน กับตัวล้อสีดำด้าน
อีกทั้งยังมีหลังคาพาโนรามา ส่วนตรงกลางแบบ 'บิสคอตโต' ยังส่องสว่างด้วยวงแหวนไฟ LED ที่นุ่มนวล เชื่อมต่อกับกระจกบังลมขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าเข้ากับประตูท้ายที่ด้านหลัง โครง 'บิสคอตโต' ตรงกลางยังรองรับหน้าต่างด้านข้างแบบชิ้นเดียวชนิดโค้งขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของช่องเปิดประตูห้องโดยสารในแต่ละด้าน ตัวบานพับยังถูกยกขึ้นอย่างมาก รองรับการเปิดแบบไร้เสาและประตูหลังแบบบานพับ ช่วยให้สามารถเข้าถึงห้องโดยสารขนาด 2+2 ที่นั่งได้อย่างไม่จำกัด
ประตูห้องโดยสารยังได้แรงบันดาลใจจากการออกแบบแบบแบบไร้เสาของรถยนต์รุ่น Lancia Florida โดย Battista Farina ในยุค 50 และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ก่อตั้งของปินินฟารินา
ขอบกระจกด้านล่างชุบผิวอะลูมิเนียม ตัวหลังคาทำจากชิ้นส่วนอะลูมิเนียม ประกอบด้วยกล้องมองหลังซึ่งแทนที่กระจกมองข้างแบบเดิมที่ด้านหน้า และรองรับดีไซน์พูรา วิชั่น ที่โดดเด่นด้านหลัง กับด้านท้ายใช้ไฟแบบ LED แนวนอนเพรียวบางเป็นพิเศษ และเรือนกระจกทรงเรียวที่เข้ากันได้ดีกับส่วนโค้งที่คมชัด ตัวรถยกสูงจากซุ้มล้อคล้ายรถสปอร์ต
บริเวณด้านล่างของตัวรถประกอบด้วยกันชนคาร์บอนไฟเบอร์ส่วนหน้า ตัดกับพื้นผิวและรูปทรงประติมากรรมของตัวรถส่วนบน
ห้องโดยสารภายในที่นุ่มนวล โปร่งสบาย และเป็นกันเอง ระบบส่งกำลังไฟฟ้าช่วยให้ห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวางพร้อมพื้นเรียบที่ทำให้ดูกว้างขึ้น เสริมด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากเรือยอชต์สุดหรู
เบาะนั่งด้านหน้าแบบ 'ลอยได้' ของพูรา วิชั่นถูกแขวนไว้เหมือนฟอยล์ของเรือใบ ขณะที่คอนโซลกลางมีลักษณะคล้ายกับใบเรือ บริเวณหลังพวงมาลัยประกอบด้วยแผงแดชบอร์ดขนาดกว้าง เบาะสีขาวทั้งสี่มาพร้อมแดชบอร์ดหนังชาร์โคลสีขาว และขอบประตูด้านบนที่มอบมุมมอง 360 องศาภายในตัวรถ
จอแสดงผลส่วนกลางสามารถยกขึ้นจากคอนโซลได้เมื่อจำเป็น และพับเก็บได้เพื่อไม่ให้เกะกะ ขณะที่ลำโพงในพนักพิงศีรษะมอบโซนเสียงเฉพาะสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน พื้นที่กระจกขนาดใหญ่ทำให้ผู้โดยสารทุกคนรู้สึกเชื่อมต่อกับสิ่งรอบข้าง นอกจากนี้ยังมีตู้แช่ไวน์ในตัว ระหว่างที่นั่งด้านหลังคู่
หนังกึ่งอะนิลีนเนื้อนุ่ม ผสมผสานกับผ้าทออันเป็นเอกลักษณ์ตลอดแนวภายใน เข้ากันได้ดีกับตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ชุบอะลูมิเนียมแบบเปลือยภายนอก ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ยังใช้เศษอะลูมิเนียมจากล้อของพูรา วิชั่น เพื่อสร้างแผ่นป้องกันแบบสั่งทำพิเศษสำหรับประดับขอบประตู เพิ่มความอลังการเมื่อประตู Lounge Door เปิดออก
แนวคิดการออกแบบ PURA Vision ได้พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการผลิตของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในอิตาลี เพื่อกำหนดยุคใหม่แห่งความหรูหราด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อถึงกัน ถูกคิดค้น ออกแบบ และพัฒนาในอิตาลี และนำเสนอเทคโนโลยีขั้นสูงพัฒนาขึ้นจากศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลของ ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในเยอรมนี
ปัจจุบัน Automobili Pininfarina มีพนักงาน 116 คนทั่วทั้งไซต์งานในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี และเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ทีมงานประกอบด้วยผู้คนมากกว่า 20 สัญชาติ ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ระดับโลกเพื่อสร้างยุคใหม่ แห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า