Nissan Motor (นิสสัน มอเตอร์) ได้ตัดสินใจประกาศครั้งสำคัญของวงการรถยนต์ไฟฟ้าญี่ปุ่น ด้วยการร่วมมือกับทาง Tesla (เทสลา) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ในการใช้มาตรฐานการชาร์จแบบอเมริกาเหนือ (NACS หรือ North American Charging Standard) ในการใช้หัวชาร์จแบบ North American Charging Standard (NACS) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในอเมริกาภายในปี 2025 ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายแรก ที่ประกาศใช้หัวชาร์จแบบ NACS

นับตั้งแต่ Tesla ได้ประกาศตัวเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหัวชาร์จแบบ North American Charging Standard (NACS) ทั้งปลั๊ก และเต้ารับในปี 2022 ที่ผ่านมา ก็ทำให้แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหลายราย ต้องตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ตามมาตรฐานของ Tesla ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำวงการรถ EV ที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลก

Nissan แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าในบ้านตัวเองจะใช้หัวชาร์จเร็วแบบ CHAdeMO เป็นมาตรฐานทั่วโลก แต่ในสหรัฐอเมริกาได้ใช้มาตรฐาน CCS1 (Combined Charging System 1) ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Ariya (นิสสัน อริยะ) เวอร์ชั่นที่ขายอยู่ในสหรัฐฯ พร้อมทั้งมีชุดอะแดปเตอร์ชาร์จ NACS มาให้ด้วย

โดย Nissan Ariya รุ่นที่จำหน่ายหลังปี 2024 ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อกับปลั๊ก NACS ได้ด้วยอะแดปเตอร์เดียวกัน นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าของ Nissan ที่ผลิตสำหรับตลาดสหรัฐอเมริกาและแคนาดา จะติดตั้งพอร์ตชาร์จ NACS มาเป็นมาตรฐานจากโรงงาน

สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานรถของ Nissan สามารถชาร์จด้วยตู้ Supercharger ซึ่งเป็นเครือข่ายการชาร์จเร็วของ Tesla ได้ง่ายขึ้น และจะเพิ่มจำนวนจุดชาร์จด่วนสาธารณะสำหรับผู้ใช้ Nissan EV อย่างมีนัยสำคัญ

Jeremy Papin ประธานบริหารของ Nissan USA แสดงความคิดเห็นว่า "การนำ NACS มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ได้รับการส่งเสริมในวิสัยทัศน์ระยะยาว "Nissan Ambition 2030" และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของ Nissan ในการทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้มากขึ้น ผู้ใช้ Nissan EV จะเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ทางไกลได้สบายใจยิ่งขึ้น เนื่องจากจำนวนที่ชาร์จด่วนที่มีอยู่จะเพิ่มขึ้นอีกหลายพันเครื่อง ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการชาร์จ"

ด้วย "Nissan Ambition 2030" Nissan ตั้งเป้าหมายเพิ่มอัตราส่วนการขาย EV ในสหรัฐอเมริกาเป็น 40% หรือมากกว่านั้นภายในปี 2030 โดยมีเป้าหมายเพื่อการใช้พลังงานไฟฟ้าต่อไป แผนนี้รวมถึง EV ใหม่สองรุ่นที่จะผลิตที่โรงงาน Canton, Mississippi ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025