Dodge (ดอดจ์) ประกาศนับถอยหลังการเลิกผลิตรถ Muscle Car (มัสเซิลคาร์) ยอดนิยม Dodge Challenger (ดอดจ์ ชาแลนเจอร์) และ Dodge Charger (ดอดจ์ ชาร์จเจอร์) โฉมปัจจุบันภายในไม่เกินสิ้นปีนี้ ซึ่งทางบริษัทได้ประกาศ “Last Call” ผ่านดีลเลอร์ผู้จำหน่ายไปเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา
พร้อมกับให้ดีลเลอร์รับคำสั่งจองซื้อรถทั้งสองรุ่นนี้ ถึงแค่ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยลูกค้าสามารถสั่งจอง Dodge Challenger และ Dodge Charger ได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือตัวแทนจำหน่ายได้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งทาง Dodge ได้จัดทำแผ่นเพลทที่ระลึก "Last Call" ติดตั้งในห้องเครื่องของรถทั้งสองรุ่น
การเลิกผลิต Dodge Challenger และ Dodge Charger ทำให้แบรนด์ Dodge เหลือรถที่ขายอยู่แค่เพียง 2 รุ่นหลักได้แก่ Dodge Hornet และ Dodge Durango
Tim Kuniskis CEO ของ Dodge กล่าวว่า "สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Dodge Challenger หรือ Charger โดยเฉพาะรุ่นที่มีแรงม้าสูง เช่น Scat Pack, SRT Hellcat หรือรุ่นพิเศษ นี่ถือเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับ "Last Call""
"ในขณะที่เราเปลี่ยนไปสู่อนาคตของรถ Muscle Car ที่น่าตื่นเต้นและใช้พลังงานไฟฟ้า เรากำลังทำเครื่องหมายจุดจบของยุคที่น่าจดจำ สำหรับ Dodge ไปพร้อมกับเวลาสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถรุ่นดังกล่าว"
สำหรับ Dodge Challenger เจนเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวตั้งแต่ปี 2008 นับเป็นรถอีกรุ่นที่มีอายุการขายนานที่สุดในสหรัฐอเมริกา (เพราะขายโฉมเดียวยาวนานสิบกว่าปี) แม้ว่าจะยังคงรูปร่างหน้าตาเดิมไว้ แต่รถมัสเซิลคาร์รุ่นนี้ก็ได้ปรับปรุงและยกระดับทั้งเครื่องยนต์ที่ทรงพลังขึ้น และเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
แต่ในทางกลับกัน Dodge Charger ที่เปิดตัวในปี 2011 ยังคงใช้ส่วนประกอบหลายอย่าง ร่วมกับรถซีดานรุ่นก่อนหน้าของ Dodge ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2006
แต่แฟนๆ มัสเซิลคาร์ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะว่า Tim Kuniskis CEO ของ Dodge ได้เผยถึงทิศทางของรถ EV และรถไฮบริดในแบรนด์ Dodge ที่จะเปิดตัวในฤดูร้อนปี 2024 นั่นคือ Dodge Hornet R/T ซึ่งนับว่าเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดพลังแรงคันแรกของค่าย กับสมรรถนะที่สูงถึง 288 แรงม้า
สำหรับอนาคตของรถมัสเซิลคาร์ Dodge ได้แเคยนำเสนอรถต้นแบบ Dodge Charger Daytona SRT Concept ที่มีดีไซน์ย้อนยุค และตัวเลขสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา ตั้งแต่รุ่นพื้นฐาน 455 แรงม้า ไปจนถึงรุ่น SRT Banshee 800 V ที่ให้กำลังสูงสุดกว่า 800 แรงม้า ซึ่งยังคงให้ตลาดรถ Muscle Car ยังคงไปต่อได้ในโลกอนาคตใหม่