Mitsubishi Motors (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) ประกาศระงับธุรกิจในจีนอย่างไม่มีกำหนด และจะเลิกจ้างพนักงาน หลังจากที่ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ขายรถไม่ดีในจีนมาหลายปี นับตั้งแต่ตลาดรถยนต์จีนหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว
ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กล่าวว่า การที่จีนเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันไปเป็นรถยนต์ที่สะอาดกว่านั้น ย่อมกระทบกับสายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว และเห็นว่ายอดขายตกลงต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ตามบันทึกของบริษัทเมื่อวันพุธที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ของจีน
“ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารและผู้ถือหุ้นได้พยายามอย่างสุดความสามารถ แต่เนื่องจากสภาพตลาดและด้วยความไม่เต็มใจและเสียใจ เราจึงต้องคว้าโอกาสในการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์พลังงานใหม่ บริษัทจะฟื้นคืนชีพหลังจากผ่านการทดลองและความยากลำบาก”
ตัวแทนจาก กวางโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป หรือ GAC Group พันธมิตรท้องถิ่นของมิตซูบิชิ ยืนยันเนื้อหาของบันทึก ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองกล่าวว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดกำลังทำงานเพื่อ "ปรับโครงสร้างพนักงานให้เหมาะสม" และจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อรับประกันสิทธิทางกฎหมายของพนักงานที่ได้รับผลกระทบ
ความล้มเหลวของ Mitsubishi ในประเทศจีน สะท้อนถึงแรงกดดันที่ต้องเผชิญกับผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายอื่นๆ ที่นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าได้ช้า และสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่งรายใหม่อย่าง Tesla (เทสลา) และ BYD (บีวายดี) ยอดขายของ Honda (ฮอนด้า) และ Nissan (นิสสัน) ในประเทศจีนลดลงอย่างน้อย 2 ปี ขณะที่ยอดส่งมอบของ Toyota (โตโยต้า) ในปีที่แล้ว ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
การตัดสินใจปิดกิจการของ Mitsubishi ในจีนเกิดขึ้นหลังจากการผลิตที่โรงงานฉางชา ในมณฑลหูหนาน ถูกระงับในเดือนมีนาคม Takao Kato (ทาคาโอะ คาโตะ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า บริษัทจะพยายามเอาชนะความยากลำบากในจีน เพื่อตอบสนองต่อการคาดการณ์ว่าผู้ผลิตรถยนต์จะคงอยู่ในตลาด
Mitsubishi มียอดขายสูงสุดประจำปีในจีนในปี 2019 ที่ประมาณ 134,500 คัน ต่อมาบริษัทผลิตรถยนต์ได้ 34,575 คันในจีนเมื่อปี 2022 ซึ่งเป็นอัตราที่ลดลงเหลือเพียง 1,530 คัน ในเดือนมกราคม 2023 จากนั้นเป็นศูนย์ในเดือนเมษายน 2023 ซึ่ง มิตซูบิชิ มีรถ SUV ไฟฟ้า เพียงรุ่นเดียวในจีน คือรุ่น Airtrek ซึ่งขายได้เพียง 515 คันในปีที่แล้ว
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Mitsubishi ได้ประกาศแผนการที่จะใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ของรถยนต์ที่จำหน่ายทั่วโลกภายในปีงบประมาณ 2035 และลงทุนมากถึง 1.8 ล้านล้านเยน (13 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในปี 2030 แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเปลี่ยนแปลงของผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก สู่ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แหล่งที่มาจาก
- Japantimes
