Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) แบรนด์รถชื่อดังจากเยอรมนีหลังจากที่เปิดตัว Volkswagen T-Cross รถ SUV ขนาด B-Segment ที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม MQB A0 นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2019 จนตอนนี้ก็ถึงเวลาปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์เสียที
แน่นอนว่ารูปโฉมภายนอกถูกปรับปรุงใหม่ให้ดูสดใหม่มากขึ้น ตั้งแต่ชุดไฟหน้าแบบ IQ.Light LED Matrix คู่กับกระจังหน้าออกแบบใหม่กว้างขึ้น พร้อมแถบเส้นไฟ Daytime Running Light แบบ LED แนวยาว ที่มาแทนแถบโครเมียมแบบเดิม
พร้อมกันชนออกแบบใหม่และมีชุดไฟตัดหมอกมาให้ นอกจากนั้นยังติดตั้งชุดไฟตัดหมอกไว้ที่ด้านใน และแผ่นกันกระแทกด้านล่างสีเงินด้านล่าง
ส่วนด้านข้างใช้ซุ้มล้อแบบพลาสติก มาคู่กับล้ออัลลอยขนาด 16 -17 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) และไฟท้ายแบบ LED ทรง X-Shape พร้อมแผ่นกันกระแทกด้านล่างสีเงินด้านล่างเหมือนกันชนหน้า
ห้องโดยสารภายใน แผงแดชบอร์ดออกแบบใหม่หมด ใช้วัสดุบุนุ่มแทนแบบเดิมที่เป็นพลาสติกแข็ง คู่กับเบาะนั่งหุ้มหนัง และวัสดุผ้าคุณภาพสูง พร้อมมาตรวัดดิจิตอลขนาด 8-10 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) กับหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 8-9.2 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) รวมไปถึงระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด
มาพร้อมระบบปรับอากาศแบบปุ่มสัมผัสแทนที่แบบมือหมุน เบาะนั่งด้านหลังยังปรับเลื่อนขึ้นหน้า-หลัง ได้ระยะกว่า 140 มม. และพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายความจุ 385 - 455 ลิตร ซึ่งพับเบาะหลังลงจะได้พื้นที่มากถึง 1,281 ลิตร พร้อมกับเบาะฝั่งผู้โดยสารหน้า สามารถปรับพับนอนได้ เพื่อการบรรทุกสัมภาระขนาดยาวๆ
เครื่องยนต์ยังคงมี 2 แบบเหมือนเดิม ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.0 ลิตร แบบ 3 สูบ TSI Turbo ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีดเท่านั้น และให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ DSG 7 สปีด
และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร TSI Turbo ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ DSG 7 สปีด บนระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
และ Volkswagen T-Cross ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่ 3 สี อาทิ สีเหลือง Grape Yellow, สีน้ำเงิน Clear Blue Metallic และสีแดง Kings Red Metallic
Volkswagen T-Cross เตรียมเปิดรับจองและเปิดราคาจำหน่ายในเยอรมนีช่วงปลายปี 2023 และพร้อมส่งมอบช่วงต้นปี 2024 นี้