หลายคนอาจยังจำได้ว่า กาลครั้งหนึ่งในไทย KIA (เกีย) เคยนำเข้า KIA Picanto (เกีย พิคันโต้) ขนาด A-Segment มาขายกับเขาด้วย แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จก่อนจะเลิกนำเข้าไป ส่วนในต่างประเทศนั้นยังคงมีขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโฉมเจเนอเรชั่นที่ 3 นี้ เปิดตัวตั้งแต่ในปี 2017 มาตอนนี้ก็ได้เวลาปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์แล้ว
KIA Picanto โฉมใหม่นี้เน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ KIA ในรุ่นอื่นๆ ที่มาพร้อมกับภาษาการออกแบบใหม่ที่เรียกว่า "Opposites United"
รูปโฉมภายนอกออกแบบให้เน้นเหลี่ยมสัน และสปอร์ตขึ้น ชุดไฟหน้าในรูปตัว Y แบบ LED ซ้อนกัน 3 ดวง โฉบเฉี่ยวมากขึ้น พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบเส้นแถบยาว LED พร้อมกระจังหน้าแบบ Tiger Nose และชุดกันชนด้านล่างขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา
ส่วนตัวรถด้านข้าง มาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส สีดำปัดเงา ขนาด 16 นิ้ว พร้อมสเกิร์ตข้างตกแต่งชิ้นส่วนสีดำเงา และชุดไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ แบบแนวยาวเช่นกัน พร้อม Diffuser สีดำที่กันชนท้าย
ห้องโดยสารภายใน ใช้เบาะนั่งหนังเทียมสีดำตัดกับสีเทา เดินด้ายสีขาวในคู่หน้า และเบาะผ้าในรุ่นมาตรฐาน แผงแดชบอร์ดมาพร้อมดิจิตอลขนาด 4.2 นิ้ว มีหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่ติดตั้งแบบลอยตัว
พร้อมระบบ KIA Connect รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto และอัพเดทซอฟ์ทแวร์แบบ Over-The-Air และยังเชื่อมต่อ Bluetooth ได้ และการจดจำเสียงได้ กับติดตั้งหลังคา Sunroof มาให้
ส่วนพื้นที่ด้านท้าย เมื่อพับเบาะหลังลงหมด ให้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากถึง 1,010 ลิตร
ด้านระบบความปลอดภัย ได้อัพเกรดระบบช่วยเหลือขับขี่ ADAS ใหม่ และเพิ่มถุงลมนิรภัยสูงสุด 6 ใบ
สำหรับ KIA Picanto โฉมนี้ได้ตัดรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร Turbo ออกไป เหลือเพียงเครื่องยนต์ธรรมดาที่มีให้เลือก 2 แบบ นั่นคือ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร MPi 3 สูบ
และ 1.2 MPi 4 สูบ ที่ปรับปรุงชุดท่อไอเสีย ระบบระบายความร้อนในห้องเผาไหม้ และวาล์วไอดีใหม่ แต่ตัวเลขกำลังม้าและแรงบิด ยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ระบบส่งกำลังนั้นยังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ AMT
สำหรับการเปิดตัว KIA Picanto พร้อมรายละเอียดและราคาทั้งหมด จะมีขึ้นอีกครั้งเร็วๆ นี้