นับตั้งแต่ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ได้เริ่มต้นผลิต Mercedes G-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จี-คลาส) ที่มีชื่อรุ่นย่อมาจากคำว่า Geländewagen ในรูปแบบรถออฟโรดทรงกล่องครั้งแรกเมื่อปี 1979 โดย Magna Steyr เป็นผู้ผลิตให้ทาง Mercedes-Benz จัดเป็นรถออฟโรด ที่ตำรวจ และค่ายทหารหลายประเทศในโลกสั่งมาใช้ในกองทัพตัวเอง (รวมถึงไทยด้วย)
ต่อมาในปี 1993 ทาง AMG ได้เข้ามาพัฒนา G-Class รุ่นนี้ด้วยการวางขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ครั้งแรกในรุ่น 500 GE V8 และปั้มขายมาจนถึงปัจจุบันนาน 30 ปี จนในที่สุด Mercedes-Benz ก็ได้ตัดสินใจเลิกผลิตเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ๆ ลดขนาดเครื่องยนต์ให้เล็กลงแทน
ล่าสุด จึงเปิดตัว Mercedes-Benz G 500 V8 Final Edition รุ่นพิเศษในสีพิเศษอย่าง สีเขียว Olive Magno, สีดำ Obsidian Black และสีขาว Opalith White Magno จำนวนสีละ 500 คัน เท่านั้น
สำหรับตัวรถสีเขียว Olive Magno จะใช้ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สีเขียวเหมือนกับสีตัวถัง ส่วนอีก 2 สีจะใช้ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สีดำ พร้อมติดตรา Final Edition ไว้ที่ซุ้มล้อคู่หน้า และฝาครอบยางอะไหล่ด้านท้าย
เมื่อเปิดประตูรถ ไฟ Welcome Light บริเวณกระจกมองข้างก็จะฉายข้อความ “Stronger Than Time” พร้อมโลโก้ตัว G ลงบนพื้น และแผ่นสคัพเพลท Final Edition บริเวณพื้นรถ
ห้องโดยสารภายใน มาพร้อมเบาะที่นั่งแบบ Active Multicontour Seats หุ้มหนัง Manufaktur สีทูโทน และยังตกแต่งภายในด้วยหนัง Nappa พร้อมเครื่องเสียงคุณภาพสูงจาก Burmester Surround Sound System รวมถึงมีแผ่นเพลทคาร์บอน "Grand Edition" บริเวณคอนโซลหน้า รวมถึงที่กุญแจรีโมท กับเหรียญเงินสัญลักษณ์รูปตัว G
แน่นอนว่าขุมพลังต้องเป็นเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร V8 Turbo ให้กำลังสูงสุด 416 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 610 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic บนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมโหมดการขับขี่ 3 แบบ ประกอบด้วย Comfort, Sport และ Off-Road
Mercedes-Benz G 500 V8 Final Edition มาในราคา 196,350 ยูโร หรือประมาณ 7,564,000 บาท