
KIA EV4 2026 รถยนต์ไฟฟ้ามีทั้งแบบซีดาน / แฮทช์แบ็ก มาพร้อมระยะทางขับขี่สูงสุด 531 กิโลเมตร
หลังจากที่ KIA ได้เปิดตัว EV4 ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในงาน New York Auto Show 2025 ล่าสุดได้ออกมาเผยถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ซีดานไฟฟ้ารุ่นนี้ จะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Light, Wind และ GT-Line โดยมีระยะทางวิ่งโดยประมาณ 378 กิโลเมตร (235 ไมล์) ถึง 531 กิโลเมตร (330 ไมล์) ภายในประกอบด้วยหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอ, ระบบปรับอากาศแบบดูอัลโซนเป็นมาตรฐาน และไฟส่องสว่างรอบห้องโดยสาร 64 สี
KIA EV4 2026 คงไว้ซึ่งสไตล์อันโดดเด่น
KIA EV4 เปิดตัวสู่ตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และยังคงไว้ซึ่งสไตล์อันโดดเด่นของรถต้นแบบ EV4 ในปี 2023 ต่อมาได้มีการผลักดันแผนการผลิตรถรุ่นจำหน่ายจริง โดยได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่งาน New York Auto Show 2025 ซึ่ง KIA EV4 มีการใช้แพลตฟอร์ม E-GMP เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ อย่าง KIA EV6 แต่ใช้สถาปัตยกรรม 400 โวลต์ แทน 800 โวลต์ของ EV6 มาพร้อมกับทางเลือกถึง 3 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น Light, Wind และ GT-Line
ขุมพลังการขับเคลื่อน KIA EV4
สำหรับในรุ่น Light มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 58 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสูงสุด 378 กิโลเมตร (235 ไมล์) ส่วนในรุ่น Wind และ GT-Line มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 81 กิโลวัตต์ชั่วโมง และคาดว่ารุ่น Wind จะมีระยะทางวิ่ง 531 กิโลเมตร (330 ไมล์) แต่ยังไม่มีตัวเลขระยะทางวิ่งที่ชัดเจนสำหรับรุ่น GT-Line ในขณะนี้
มีแบตเตอรี่ให้เลือก 2 ขนาดความจุ รุ่น Standard Range จะมีขนาด 58.3 kWh ส่วนรุ่น Long Range จะมากับแบตเตอรี่ขนาด 81.4 kWh
โดยในรุ่น Standard Range ในตัวถังซีดานชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 430 กม. ส่วนตัวถังแฮทช์แบ็กจะวิ่งได้ระยะทาง 410 กม./ชาร์จ มาพร้อมสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้า 400V ที่รองรับการชาร์จแบบ DC ที่ให้กำลังไฟจาก 10 – 80% ในเวลา 29 นาที
ส่วนในรุ่น Long Range ตัวถังซีดาน ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งวิ่งได้ระยะทาง 629 กม. ขณะที่ตัวถังแฮทช์แบ็กนั้นชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้ระยะทาง 580 กม. มาพร้อมสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้า 400V ที่รองรับการชาร์จแบบ DC ที่ให้กำลังไฟจาก 10 – 80% ในเวลา 31 นาที
KIA ออกมาเผยว่าตัวเลขระยะทางวิ่งดังกล่าวเป็นผลมาจากตัวถังที่ลู่ลม โดยมีแผ่นปิดใต้ท้องรถแบบเต็มที่ช่วยให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.23 เท่านั้น ในส่วนของพอร์ตชาร์จ ใช้เป็น NACS ซึ่งเริ่มมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ EV ของ KIA ในปีนี้ โดยที่หากใช้เครื่องชาร์จเร็ว DC ในรุ่น Light จะใช้เวลา 29 นาที ในการชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่แบตเตอรี่ 81 กิโลวัตต์ชั่วโมงของรุ่น Wind และ GT-Line จะใช้เวลา 31 นาที
ช่วงล่างและสมรรถนะการขับขี่แบบ i-Pedal
KIA EV4 มาพร้อมระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ตัวถังได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความสะดวกสบายในการขับขี่ และความสนุกสนานในการขับขี่ นอกจากนี้ยังได้มีการอัปเกรดคุณสมบัติเบรกแบบคืนพลังงานด้วยแป้น i-Pedal ซึ่งสามารถทำงานได้เมื่อรถถอยหลังด้วยเช่นกัน และยังมาพร้อมกับฟังก์ชันหน่วยความจำที่ใช้ตั้งค่า i-Pedal เมื่อมีการสตาร์ทรถใหม่ รวมถึงระบบ V2L เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายนอกมาให้ด้วย
การออกแบบภายนอกของ EV4 มีการนำเสนอรูปแบบซีดานที่แปลกใหม่ โดยมีส่วนหน้ารถที่ดูทื่อๆ กระจกข้างที่โค้งขึ้นด้านบนแบบโค๊งโค้ง เส้นหลังคาแบบท้ายลาดที่มีรูปร่างคล้ายตอร์ปิโด และซุ้มล้อสีดำทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ยิ่งทำให้มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น สำหรับในรุ่น Light และ Wind ล้อจะมีขขนาด 17 นิ้ว มีดีไซน์ที่ช่วยเสริมแอโรไดนามิกคล้ายแผ่นดิสก์ ในขณะที่รุ่น GT-Line มาพร้อมล้อขนาด 19 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เน้นการใช้งานโดยมีสีและวัสดุที่ตัดกัน หน้าจออินโฟเทนเมนต์มีขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนหน้าจอแดชบอร์ดมีขนาด 5.0 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ในรุ่น Light และ Wind มาพร้อมพวงมาลัยแบบสองก้าน ในขณะที่รุ่น GT-Line เป็นพวงมาลัยแบบสามก้าน
ติดตั้งไฟส่องสว่างรอบห้องโดยสารปรับเปลี่ยนได้ 64 เฉดสี, ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน, ช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, กระจกบังลมแบบอะคูสติก, พวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิได้ และเบาะนั่งด้านหน้าแบบปรับอุณหภูมิและระบายอากาศได้ (เป็นอุปกรณ์เสริม) นอกจากนี้ KIA ยังนำเสนอผู้ช่วย AI คนใหม่ ที่ตอบสนองการสั่งงานด้วยระบบเสียง
ด้านราคาจำหน่ายของ KIA EV4 จะมีราคาเริ่มที่ 37,000 ดอลลาร์สหรัฐคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.26 ล้านบาท โดย KIA EV4 ตัวถัง Sedan จะถูกผลิตในเกาหลี และมีขายเฉพาะในเกาหลี ในขณะที่รถแฮทช์แบ็กจะผลิตในยุโรป โดยในรุ่นซีดานจะวางจำหน่ายในเกาหลีใต้ภายในเดือนมีนาคมนี้ ก่อนที่ตัวถังแฮทช์แบ็ก และซีดานจะวางจำหน่ายในยุโรปในช่วงครึ่งหลังของปี 2025