สำหรับในเมืองจีน Panda (แพนด้า) เป็นสัญลักษณ์ชื่อดังของหมีแพนด้า ที่คนรู้จักไปทั่วโลก แต่อีกฟากหนึ่งของโลกในประเทศอิตาลี ชื่อของแพนด้า กลับกลายมาเป็นชื่อรถของ Fiat (เฟียต) ในเดือนมีนาคม 1980 ในฐานะ City Car ราคาประหยัด และ Panda 4X4 ก็ตามมาในเดือนมิถุนายน 1983
ในเดือนนี้ Fiat (เฟียต) จึงได้ฤกษ์เปิดตัว Fiat Panda รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 40 ปี ของรุ่น 4X4 โดยรุ่นพิเศษพัฒนามาจากรุ่น Panda 4×4 เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011 กับที่มาในชื่อ Panda 4×40° ซึ่งผลิตออกมาเพียง 1,983 คัน ซึ่งเท่ากับปีเกิด
รูปโฉมภายนอกมาในสไตล์รถ Crossover SUV ที่มาพร้อมชายล่างสีดำรอบคัน กับตัวรถสีงาช้าง พร้อมแถบไฟ LED ใต้กันชนหน้า และหูลากสีแดงด้านล่าง
ส่วนด้านข้างตัวรถ มาพร้อมกระจกกรองแสงรอบคัน พร้อมหลังคาสีดำ ล้อเหล็กสีขาวจากทาง Stellantis ขนาด 15 นิ้ว ที่ฝาครอบตรงกลางแบบกำหนดเองได้ ติดอักษรสีแดง "4×40°" ที่ประตูด้านหลัง พร้อมสัญลักษณ์รูปกราฟิกลวดลายตัวรถที่ใต้บานกระจกเสา C ด้านหลัง
มิติตัวรถยาว 3,705 มม. กว้าง 1,882 มม. สูง 1,615 มม.
ห้องโดยสารภายใน ใช้โทนสีงาช้างเหมือนสีรถภายนอก เบาะนั่งหุ้มผ้ารีไซเคิล ปักตัวเลข 1983 ที่เบาะผู้โดยสาร และ 2023 ที่เบาะคนขับ พร้อมกับเดินด้ายสีแดง รวมถึงลายกราฟิกรูปรถ Panda 4×4 รุ่นแรก และ Panda รุ่นปัจจุบันไว้ที่เบาะทั้ง 2 ฝั่ง รวมถึงตัวอักษรปั้มนูน "4×40°" ที่พนักพิงหลัง
รวมไปถึงอุปกรณ์มาตรฐานติดรถ เช่น พวงมาลัยหุ้มหนัง มีหน้าจอ Infotainment ขนาด 7 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ หัวเกียร์หุ้มหนัง พร้อมเซ็นเซอร์ถอยหลัง และพื้นที่จะสัมภาระด้านท้าย 225 ลิตร ในรุ่น Hybrid และ 200 ลิตร ในรุ่น LPG
ขุมพลังเครื่องยนต์มีขนาด 1.0 ลิตร GSE แบบ 3 สูบ ให้กำลังสูงสุด 70 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร และแบบ LPG ขนาด 1.2 ลิตร GPL ให้กำลังสูงสุด 69 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 97 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมระบบ 4WD
Fiat Panda 4×40° Limited Edition มีจำหน่ายในอิตาลี, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ เท่านั้น