BYD เปิดตัว Atto 2 รุ่นประหยัดในประเทศอังกฤษและยุโรป แบตวิ่งไกลสุด 312 กม.
BYD เปิดตัว Atto 2 รุ่นประหยัดในประเทศอังกฤษและยุโรป แบตวิ่งไกลสุด 312 กม.

BYD เปิดตัว Atto 2 รุ่นประหยัดในประเทศอังกฤษและยุโรป แบตวิ่งไกลสุด 312 กม.

BYD ATTO 2 เวอร์ชันยุโรปแท้จริงแล้วก็คือ BYD Yuan UP ที่วางจำหน่ายในประเทศจีน ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐาน BYD e-Platform 3.0 พร้อมเทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่ CTB (Cell-to-body) ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของตัวถังขึ้น 32%

BYD ATTO 2 ที่วางขายในยุโรปจะถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 176 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 290 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.

ส่วนแบตเตอรี่แบบ Blade Battery ขนาดความจุ 45.12 kWh สามารถขับขี่ไกลสูงสุด 312 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จแบบ DC กำลังไฟสูงสุด 65 kW ใช้ระยะเวลาชาร์จจาก 30 - 80% ในเวลา 28 นาที

BYD Atto 2 มีความยาว 4,310 มม. กว้าง 1,830 มม. และสูง 1,675 มม. เมื่อเทียบกับ Atto 3 แล้ว Atto 2 สั้นกว่า 145 มม. แคบกว่า 45 มม. ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ Atto 2 ก็สามารถสุสัมภาระได้ถึง 1,430 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง BYD Atto 2 ยังคงพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 ของ BYD และเป็น SUV ขนาดกะทัดรัดรุ่นแรกที่ใช้โครงสร้าง Cell-to-Body (CTB) โดยผสานแบตเตอรี่เข้ากับแชสซีของรถอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้มีพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดและเพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวม

ด้านแบตเตอรี่ BYD Atto 2 ในยุโรปใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต Blad Battery ของ BYD โดยมีให้ 2 ตัวเลือกด้วยกัน ในรุ่น Standard range edition มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 45.1 kWh ให้ระยะทางวิ่ง 312 กม. (WLTP)

ส่วนแบตเตอรี่อีกหนึ่งตัวเลือก BYD เผยว่า รุ่นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าจะตามมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะให้ระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้น

BYD ยังไม่ได้เปิดเผยราคาของ Atto 2 ในประเทศอังกฤษและยุโรป แต่ตัวแทนของบริษัทกล่าวว่า คาดว่า Atto 2 นี้จะมีราคาอยู่ระหว่างรุ่น Dolphin และ Atto 3

ซึ่งในประเทศอังกฤษ Dolphin มีราคา 32,157 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,117,000 บาท) และ Atto 3 มีราคา 45,689 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,587,000 บาท)

คาดว่า BYD Atto 2 จะเริ่มวางขายในประเทศอังกฤษและยุโรปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่ารถรุ่นนี้จะถูกนำเข้ามาทำการตลาดที่ไทยด้วยหรือไม่ เนื่องจากรถในประเทศอังกฤษก็ใช้พวงมาลัยขวา (RHD) เหมือนบ้านเรา

ที่มา electrek

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง