NIO (นิโอ) เป็นบริษัทสตาร์ทอัพผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีน ที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยี Battery Swap ของรถได้เป็นจุดขาย แต่ยังต้องแข่งขันอีกไกล เพราะยังขาดทุนสุทธิถึง 4.7 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกของปี 2023
ล่าสุด ได้เปิดตัวรถสุดหรูเพิ่มอีกหนึ่งรุ่น นั่นคือ NIO ET5 Touring รถยนต์ไฟฟ้าแบบแวกอน ที่พัฒนามาจาก NIO ET5 รุ่น Sedan พร้อมเดินเครื่องขายในจีน รวมถึงส่งไปจำหน่ายในยุโรปด้วย
รูปโฉมภายนอกของ NIO ET5 Touring จะเหมือนกับ NIO ET5 เน้นความโค้งมนไร้รอยต่อ โฉบเฉี่ยว มาพร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานตัวรถเพียง Cd. = 0.25 และการกระจายน้ำหนักตัวรถที่ 50:50 และจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพียง 499 มม.
ชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED Double-Dash 3 มิติ และเซ็นเซอร์ LiDAR ที่ด้านบนของหลังคา ส่วนด้านข้างตัวรถโดดเด่นด้วยซุ้มล้อสีดำรอบคัน กระจกลดเสียง มือจับประตูแบบเรียบกับตัวรถ กับชุดติดตั้งราวหลังคา ที่รับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม
ส่วนด้านท้ายมาในสไตล์รถแวกอน รับกับไฟท้ายแบบ illumiBlade แนวยาว พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต และปัดน้ำฝนขนาดเล็ก
มิติตัวรถยาว 4,790 มม. กว้าง 1,960 มม. สูง 1,499 มม. และระยะฐานล้อ 2,888 มม.
ห้องโดยสารภายในเสมือนอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน เน้นความเรีบบง่าย ดีไซน์ช่องแอร์ซ่อนไว้ในแผงคอนโซล หรือ “Invisible Smart Air Vents” ติดตั้งจอมาตรวัดแสดงผลแบบลอยตัวขนาด 10.2 นิ้ว และจอ Infotainment แบบลอยตัวขนาดใหญ่ถึง 12.8 นิ้ว และมีระบบ NOMI เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ที่คอนโซลหน้า
พร้อมด้วยระบบ PanoCinema แสดงภาพดิจิทัลแบบพาโนรามาเสมือนจริง จากเทคโนโลยี AR และ VR สามารถฉายภาพขนาดใหญ่ได้ถึง 201 นิ้ว หรือประมาณ 6 เมตร เต็มกระจกบานหน้ารถ รวมถึงระบบเสียงจาก Dolby Atmos รอบทิศทาง กับระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1.4 พร้อมลำโพงรอบคัน 23 ตำแหน่ง
อีกทั้งยังติดตั้งหลังคา Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ถึง 1.35 ตร.ม. กับกระจกแบบกันรังสี UV และยังมีไฟ Ambient Light แบบ 256 สี เพิ่มบรรยากาศในการโดยสาร และมีแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนบริเวณคอนโซลกลาง กับคันเกียร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ NIO
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายจุได้ถึง 450 ลิตร และเมื่อพับเบาะลงแถวหลังจะเพิ่มพื้นที่ถึง 1,300 ลิตร โดยเบาะที่นั่งแถวที่ 2 สามามรถปรับพับได้แบบ 40:20:40
ในด้านเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยติดตั้งระบบ NAD (ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ) สามารถจอดรถด้วยตัวเอง หรือสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สถานี Swap Battery ได้
รวมถึงระบบ NIO AQUILA ที่ประกอบด้วยเซ็นเซอร์มากถึง 33 ตัว รวมถึงระบบ LiDAR ที่มีกล้องความละเอียดสูง 8 ตัว, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 ตัว ระบบตรวจสอบคนขับ 1 ตัว เรดาร์คลื่น 5 มม. เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และหน่วยระบุตำแหน่งที่มีความแม่นยำสูง 2 ชุด คือ V2X และ ADMS
ในส่วนของการประมวลผลเป็นแบบ Real Time ด้วยชิป NVIDIA DRIVE Orin X 4 ตัว ให้สมรรถนะการประมวลผลรวม 1,016 TOPS ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Banyan 2.0 ที่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-The-Air (OTA) (SOTA) และเฟิร์มแวร์ (FOTA) ได้
สำหรับขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ส่วนมอเตอร์คู่หลังให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า ให้กำลังรวม 490 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4 วินาที
ส่วนชุดแบตเตอรี่มีให้เลือก 2 ขนาดความจุ และสามารถถอดเปลี่ยนได้ คือ แบตเตอรี่แบบไฮบริด (NMC-LFP) ขนาด 75 kWh วิ่งได้ระยะทาง 435 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC)
และแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh วิ่งได้ระยะทาง 680 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC) นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ Semi Solid-State ขนาด 150 kWh ที่จะตามออกมาในเดือนหน้า
สำหรับราคาของ NIO ET5 Touring อยู่ที่ 298,000 - 356,000 หยวน หรือประมาณ 1,450,000 - 1,732,000 บาท ส่วนในตลาดยุโรปจะขายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 หรือต้นปี 2024