Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) ผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตในสหราชอาณาจักร เผยโฉม Aston Martin DB12 (แอสตัน มาร์ติน ดีบี12) ที่ออกมาแทนที่รุ่น DB11 โดยที่ยังคงรูปลักษณ์ความเป็น Aston Martin เอาไว้กับเครื่องยนต์ V8 ที่ร่วมมือกับทาง AMG (เอเอ็มจี) ในการโมดิฟายให้แรงขึ้นกว่าเดิม ที่ทาง Aston Martin เคลมว่าสมบูรณ์แบบที่สุดนับตั้งแต่ผลิตรถตระกูล DB มา

Aston Martin DB จัดเป็นรถแบบ Grand Tourer คู่บุญกับแบรนด์มายาวนาน นับตั้งแต่รุ่น DB2 ที่เปิดตัวในปี 1950 โดยชื่อ DB นั้นเป็นอักษรย่อของนักธุรกิจชาวอังกฤษชื่อ David Brown ซึ่งเข้าซื้อกิจการในปี 1947 และนำพาให้ Aston Martin เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ จน Aston Martin ตัดสินใจใช้ชื่อย่อของเขาในการตั้งชื่อรุ่นรถ และยังใช้มาถึงปัจจุบัน

รูปโฉมภายนอกยังคงดูคล้ายกับในรุ่น DB11 แต่ปรับการดีไซน์ให้สดใหม่ขึ้นกับกันชนหน้าใหม่ กระจังหน้าใหญ่ขึ้น พร้อม Splitter ชิ้นใหญ่ขึ้น รวมถึงไฟหน้าออกแบบใหม่ ฝากระโปรงหน้าใหม่ ป้ายโลโก้ออกแบบใหม่ และไฟท้ายรูปตัว C

ส่วนตัวรถด้านข้างยังคงดูลื่นไหล ใช้ที่เปิดประตูแบบเรียบไปกับตัวรถ รวมถึงล้อแม็กขนาด 21 นิ้ว ที่น้ำหนักเบาลงกว่าล้อขนาด 20 นิ้วในรุ่นเดิมถึง 8 กิโลกรัม และยางจาก Michelin Pilot 5s ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ ลดเสียงรบกวนด้วยการแทรกโฟมโพลียูรีเธนเข้าไป ซึ่งช่วยลดเสียงจากยางเข้าห้องโดยสารได้ 20%

นอกจากนี้ปรับแชสซีส์ของรถใหม่ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น 7% และใช้ระบบ Electronic Limited-Slip Differential บาร์กันโคลงที่ทนต่อการบิดตัวขึ้น และ Adaptive Damper ใหม่ รวมถึงระบบควบคุมการโคลงอิเล็ครอนิคส์ที่พัฒนาใหม่ และใช้ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก ช่วยลดน้ำหนักรถลงไปได้ถึง 27 กิโลกรัม

ห้องโดยสารภายในดูหรูหราระดับพรีเมียม ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง Alcantara สีน้ำตาล-ส้ม แผงแดชบอร์ดเรียบง่าย มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น กับชุดคอนโซลกลางขนาดใหญ่แบบลอยตัว และเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 11 ตำแหน่ง

บวกกับจอมาตรวัดดิจิตอลแสดงข้อมูลผู้ขับ พร้อมจอ Infotainment ขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay พร้อมการเชื่อมต่อ 4G รวมถึงมีระบบผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียง และอัพเดตซอฟ์ทแวร์แบบ Over-the-Air ได้

แน่นอนว่าขุมพลัง V8 บล็อคใหม่ที่มาแทนที่เครื่องยนต์ V12 ของเดิมนี้ ได้สำนักแต่งรถฝีมือดีจากเยอรมนี อย่าง AMG ช่วยปรับแต่งให้ เครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร Twin Turbo ให้กำลังสูงสุด 671 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ที่ 2,750-6,000 รอบ/นาที 

ส่วนระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติ 8 สปีด ให้อัตราเร่ง 0-96 กม.ชม. ใน 3.5 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 325 กม./ชม. พร้อมช่วงล่างแบบ Adaptive เจนเนอเรชั่นใหม่ สามารถปรับได้ตามสภาพถนนจริง และเลือกโหมดการขับขี่ได้เองได้ถึง 3 รูปแบบ คือโหมด GT, Sport และ Sport+

Aston Martin DB12 เตรียมเปิดราคาจริงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 นี้ และคาดการณ์ว่า รุ่นเปิดประทุนอย่าง  Aston Martin DB12 ก็น่าจะตามออกมาในปีหน้านี้