ยืนยันแล้ว! สหภาพยุโรปจะออกกฏข้อบังคับเลิกขายเครื่องสันดาปในยุโรป 2035
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นขึ้นมาเมื่อการประชุมของกลุ่มประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปจัดการประชุมขึ้นที่เมืองสตาร์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมกับยกเรื่องข้อกำหนดในการระบุให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีรถยนต์ขายในยุโรปตะวันตกจำนวน 27 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปจะต้องเลิกจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างสิ้นเชิงภายในปี 2035 เพื่อเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
นอกจากนั้น ทางสมัชชาของสหภาพยุโรปยังประกาศรับรองข้อกำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากรถยนต์นั่งให้ลดลงถึง 55% และรถตู้หรือรถแวนจำนวน 50% ภายในปี 2030 และนั่นเท่ากับว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้ภาระผูกพันที่กับบรรดาผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ในแง่ของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดในช่วงทศวรรษนี้ และหมายความว่าถ้าจะให้บรรลุตามข้อกำหนดนี้ บริษัทรถยนต์จะต้องดำเนินการใดๆ ก็ตามให้รถยนต์ของตัวเองมีการปล่อยก๊าซนี้ลดลงเฉลี่ยต่อเดือนเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วถึง 37.5% เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
ในปัจจุบัน รถยนต์ส่วนตัวที่อยู่ใน 27 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปนั้น มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากถึง 12% และอีก 2.5% สำหรับรถตู้หรือรถแวน จากจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด และจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% เมื่อนับรวมระบบขนส่งทั้งหมด
แน่นอนว่าการลงคะแนนเสียงครั้งนี้มาพร้อมกับคะแนนเห็นชอบที่เหนือจากฝ่ายที่คัดค้านค่อนข้างมาก ด้วยคะแนนโหวต 339 ต่อ 249 เสียง และงดออกเสียงจำนวน 24 เสียง นั่นเท่ากับว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ ผลกระทบต่อระบบซัพพลายเชนทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั้งเบนซินและดีเซลซึ่งมีมานานกว่า 100 ปีกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักและเฉียบพลันกว่าที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนิติบัญญัติของยุโรปปฏิเสธคำขอแก้ไขโดยทันที โดยย้ำว่าปี 2035 เป็นวันสุดท้ายสำหรับรถสันดาป แน่นอนว่าประเทศในยุโรปตั้งเป้าที่จะรักษาสภาพภูมิอากาศให้เป็นกลางภายในปี 2050 เป็นฐานเศรษฐกิจที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์