Volvo ยุติแผนเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าเต็มตัว 100% เดินหน้าลุย PHEV แทน
Volvo ยุติแผนเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าเต็มตัว 100% เดินหน้าลุย PHEV แทน

Volvo ยุติแผนเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าเต็มตัว 100% เดินหน้าลุย PHEV แทน 

Volvo เบรกเป้าหมายเป็นแบรนด์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% กลับมาโฟกัสรถยนต์ไฮบริดที่ใช้น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกัน
หลังจากผ่านมาประมาณ 3 ปี ที่ Volvo ได้มีการประกาศเป้าหมายด้วยความจริงจัง ในการเดินหน้าสู่แบรนด์ที่ผลิตเพียงรถยนต์ไฟฟ้า 100% ให้ได้ก่อนปี 2030 แต่ดูเหมือนเป้าหมายนั้นจำต้องเบรกไว้ซักระยะ เพราะในงานเปิดตัวรถยนต์ Volvo XC90 รุ่นปี 2025 พวกเขาได้มีการประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด ต่อไปในปี 2030 และในอนาคตข้างหน้า

กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าลดลง  
จากการคาดการณ์เมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาครอบครองอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกแบบ 100% แต่วันนี้กลับชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด นั่นอาจเป็นเพราะว่าได้มีการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าของรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนเข้าสู่สหรัฐอเมริกา จากเดิมคิดเพียง 2.5% และก็ขยับเพิ่มขึ้นมาอีก 27.5% แต่ในขณะนี้เพิ่มขึ้นสูงถึง 102.5% และเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นในยุโรปเช่นเดียวกัน แน่นอนว่า Volvo เองก็เห็นว่าความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อยๆ ดิ่งลง นี่จึงเป็นการบีบบังคับให้พวกเขาต้องตัดสินใจว่า "ฉันจะทำแบบเดิม" หรือ "ฉันจะเปลี่ยนแนวทาง"

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า Volvo จะหันกลับไปผลิตรถยนต์สันดาปแบบเดิม เพราะพวกเขาได้แยกฐานการผลิตเครื่องยนต์สันดาปให้กับบริษัทใหม่ในชื่อ Aurobay ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับทาง Geely ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Volvo ในปัจจุบัน และทาง Aurobay เองก็เป็นผู้ที่จัดหาเครื่องยนต์ MHEV (ไฮบริดอ่อน) และ PHEV (ปลั๊กอินไฮบริด) ให้กับ Volvo นั่นหมายความว่า ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่ Volvo จะกลับมาผลิตเครื่องยนต์สันดาปบนดีไซน์ใหม่อีกครั้ง

และถึงแม้ว่าจะยังคงมีเครื่องยนต์สันดาปอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Volvo ไปจนถึงทศวรรษหน้า แต่พวกเขาประกาศว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์จำนวน 90% หรือมากกว่านั้น จะเป็นปลั๊กอินไฮบริดรวมถึง BEV หรือว่า Pure Electric Vehicle รถยนต์ไฟฟ้า 100% เพราะพวกเขาได้เรียนรู้แล้วว่าลูกค้ามักเลือกพาหนะที่ขับได้ระยะทางไกลกว่า และมีพลังงานทางเลือกอื่นให้พวกเขาในกรณีฉุกเฉิน  


อีกทั้งยังเชื่อว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้การนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้าที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า และบางประเทศได้ลดหรือยกเลิกมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว

วอลโว่ตั้งเป้าว่าจะสามารถทำยอดจำหน่ายรถยนต์กลุ่ม PHEV และ EV รวมกันคิดเป็นประมาณ 50-60% ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2568 นี้ เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา (เมษายน - มิถุนายน 2567) โดยช่วงเวลาดังกล่าวมียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนคิดเป็น 26% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง