BYD Seagull ยอดขายสะสม 548,459 คัน ระยะเวลา 17 เดือน ในจีน
BYD Seagull ยอดขายสะสม 548,459 คัน ระยะเวลา 17 เดือน ในจีน

BYD Seagull ยอดขายสะสม 548,459 คัน ระยะเวลา 17 เดือน ในจีน 

วันที่ 31 กรกฎาคม 2024 BYD Seagull ประกาศเปิดลัวรุ่น MY2025 ปรับปรุงไหม รูปลักษณ์ถูกปรับแต่งแต่งและเบาะนั่งคู่หน้าปรับ
ไฟฟ้าใหม่ ราคาไม่เปลี่ยนแปลงที่ 69,800 หยวนถึง 85,800 หยวน หรือประมาณ 330,000 - 405,000 บาท

ราคาจำหน่ายในจีน
ㆍ รุ่นเริ่มต้น 305KM ราคา 69,800 หยวน หรือประมาณ 330,000 บาท
ㆍ รุ่นรองเริ่มต้น 305KM ราคา 75,800 หยวน หรือประมาณ 358,000 บาท
ㆍ รุ่นท๊อป 405KM ราคา 85,800 หยวน หรือประมาณ 405,000 บาท

ในด้านงานออกแบบนั้นยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่ผ่านมางานดีไซน์ตัวรถจะถูกออกแบบเพื่อเอาใจวัยรุ่น เจาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาวชาวจีน ด้วยรูปลักษณ์ที่เล็ก และทันสมัยใช้งานคล่องตัว

โดยงานออกแบบได้ถอดแบบรูปลักษณ์หน้าตามาจากรุ่นพี่ในค่ายเดียวกันอย่าง BYD Dolphin ตัวรถจะเป็นแบบ 5 ประตู 4 ที่นั่ง

ด้านหน้าจะออกแบบไม่มีกระจังหน้า มีเพียงโลโก้ตรา BYD ติดไว้ที่ส่วนหน้า ด้านล่างจะเป็นช่องรับลมขนาดใหญ่ มาพร้อมกับชุดไฟหน้าดีไซน์ที่ดูเฉียบคม มาพร้อมกระจกบังลมหน้าที่มีขนาดใหญ่เพื่อสร้างวิสัยทัศน์มองให้กว้างขึ้น

ด้านข้างในส่วนซุ้มล้อถูกตีโป่งให้มีสันเหลี่ยมคมพร้อมเสริมด้วยขอบซุ้มล้อสีดำ ในส่วนล้อจะมีทั้งแบบล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบ และล้ออัลลอย โดยจะมีทั้งขนาด 15 – 16 นิ้ว

ด้านท้ายติดตั้งสปอยเลอร์หลังคา พร้อมตกแต่งที่เสา C ด้านท้ายด้วยแถบสีดำ ขณะที่ชุดไฟท้ายมาแบบพาดเต็มยาวพื้นที่ด้านหลัง

โดยสิ่งแตกต่างจากรุ่นเดิมจะอยู่ที่โลโก้ “BUILD YOUR DREAMS” ที่อยู่ด้านหลัง จะเปลี่ยนเป็นตัวอักษร คำว่า “BYD” เท่านั้น

ในด้านมิติตตัวรถก็ยังคงเดิมกับความยาว 3,780 มม. ความกว้าง 1,715 มม. ความสูง 1,540 มม. และระยะฐานล้อ 2,500 มม.

ภายในห้องโดยสารแผงหน้าปัดแสดงข้อมูลการขับขี่ที่มีขนาด 7 นิ้ว วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบท้ายตัดทรง D-Shape มาพร้อมหน้าจอควบคุมส่วนกลางแบบหมุนได้ขนาด 10.1 นิ้ว มาพร้อมแพลตฟอร์ม BYD DiLink

โดยในรุ่น Freedom Edition และ Flying Edition มาพร้อมกับแผงชาร์จไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือ และรองรับระบบทำความร้อนที่เบาะนั่งด้านหน้า รวมถึงเบาะนั่งฝั่งผู้ขับจะปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง

ด้านชุดอุปกรณ์อื่น ๆ ในทุกรุ่นย่อยจะได้รับ การอัปเดต OTA, ระบบเครื่องเสียงสาพร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง, บลูทูธ, ระบบการโต้ตอบด้วยเสียง, WiFi ในรถยนต์ มาพร้อมระบบเครือข่าย 4G และระบบ Keyless Entry.ที่เข้ารถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ

BYD Seagull MY2025 จะมีเฉดสีให้เลือก 4 สี  ได้แก่ สีน้ำเงิน Arctic Blue, สีขาว Warm Sun White,  สีดำ Polar Night Black และสีชมพู Peach Pink ด้านเฉดสีภายในจะมีให้เลือก 2 โทนสี สีน้ำเงิน Deep Ocean Blue และสีชมพู Dune Pink 


BYD Seagull โฉมปี 2025 ยังคงถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม BYD e-Platform 3.0 ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนยังคงมากับมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรที่ให้กำลังสูงสุด 55 kW (74 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งเร่งจาก 0 – 50 กม./ชม.ในเวลา 4.9 วินาที


จับคู่กับแบตเตอรี่ BYD Blade โดยในรุ่น Vitality และ Freedom Edition จะมีขนาดความจุ 30.08 kWh  ชาร์จไฟวิ่งได้ระยะทาง 305 กม. (CLTC) ขณะที่ในรุ่น Flying Edition จะมามาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 38.88 kWh ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งให้ระยะทางการวิ่งไกล 405 กม. (CLTC) พร้อมรองรับการชารืจไฟแบบ DC ที่จะให้กำลังไฟจาก 30% ถึง  80% ในเวลา 30 นาที


สำหรับราคาจำหน่านของ BYD Seagull MY2025 ในตลาดเมืองจีนจะมีดังนี้

รุ่น Vitality Edition 305 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 30.08 kWh) ราคาจำหน่าย 69,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3.44 แสนบาท
Freedom Edition 305 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 30.08 kWh) ราคาจำหน่าย 75,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3.73 แสนบาท
รุ่น Flying Edition 405 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 38.88 kWh) ราคาจำหน่าย 85,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 4.22 แสนบาท

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง