NETA S Shooting Brake มาพร้อมทางเลือกขุมพลัง EV และ Hybrid range extender
NETA S Shooting Brake มาพร้อมทางเลือกขุมพลัง EV และ Hybrid range extender

NETA S Shooting Brake รถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบตัวถังรถแวน เผยโฉมคันจริงอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศจีน โดยใช้พื้นฐานต่อยอดมาจาก NETA L ที่เปิดตัวกันไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เน้นตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้ต้องการลุย ทว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีการเผยแพร่สเปคอย่างเป็นทางการ โดยหากเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้ว จะทำการอัพเดทให้ทราบในภายหลัง

NETA ถือว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่สัญชาติจีน ที่มีจุดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าต่อราคา โดยให้เทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมกับออปชั่นแบบครบครันในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ผู้คนส่วนใหญ่มุ่งหาความคุ้มค่าเป็นหลัก

NETA S Shooting Brake มีงานออกแบบส่วนหน้าเหมือนกับ NETA S เวอร์ชั่นตัวถังซีดาน ที่เราเคยทดสอบกันไปก่อนหน้านี้ มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED เต็มระบบ ที่ออกแบบมาให้ดูเฉียบคม มาพร้อมกับระบบช่วงเหลือการขับขี่แบบ Pilot Assist

ครงสร้างตัวถังแบบรถแวน ทำให้งานออกแบบตัวรถ โดดเด่นด้วยแนวหลังคาแบบลาดเอียงไปด้านท้ายรถ ที่ช่วยทำให้ตัวรถดูมีความโฉบเฉี่ยว มีสไตล์มากขึ้น มาพร้อมกับมือจับประตูแบบซ่อน ที่สามารถกางออกและเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า

ตัวรถ NETA S Shooting Brake มาพร้อมกับกล้องรอบคัน และเซ็นเซอร์เตือนการชนรอบคัน ไฟท้ายแบบ LED ลากยาว เอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า NETA รุ่นใหม่ๆ NETA S Shooting Brake มีความยาวอยู่ที่ 4,980 มม. กว้าง 1,980 มม. สูง 1,480 มม. ระยะฐานล้อ 2,980 มม. ซึ่งมีความสูงมากกว่าเวอร์ชั่นซีดาน 30 มม. และมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากกว่า อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระมากกว่าด้วย


ห้องโดยสารของ NETA S Shooting Brake โดดเด่นด้วยหน้าจอกลางขนาดใหญ่ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมกับหน้าจอบอกข้อมูลการขับขี่ของผู้ขับบริเวณหลังพวงมาลัย

NETA S Shooting Brake มีสเปครุ่นย่อยหลักทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่รุ่นไฟฟ้าล้วน และรุ่นไฮบริดแบบ EREV โดยรุ่น EREV มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ที่ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าเท่านั้น ส่วนระบบขับเคลื่อนจะมี 2 แบบ ได้แก่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขนาด 200 kW และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขนาด 270 kW ส่วนขนาดแบตเตอรี่คาดว่าจะใช้ขนาด 31.71 kWh ไม่ก็ขนาด 43.88 kWh ซึ่งจะทำให้รถสามารถขับขี่ด้วยระยะทางไฟฟ้าล้วนได้สูงสุด 185 กิโลเมตร

ส่วนรุ่นขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน จะมี 2 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่นมอเตอร์เดี่ยว กำลังสูงสุด 272 แรงม้า และรุ่นมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลังสูงสุด 503 แรงม้า

โดยราคาจำหน่ายคาดว่าเริ่มต้นราวๆ 150,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 740,000 บาท และรุ่นท็อป ราคาคาดการณ์ที่ 250,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยราวๆ 1,230,000 บาท

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง