เหลือเชื่อ! ผลวิจัยชี้เจ้าของรถ EV ในสหรัฐฯ กว่า 46% อยากกลับมาใช้รถสันดาป
เหลือเชื่อ! ผลวิจัยชี้เจ้าของรถ EV ในสหรัฐฯ กว่า 46% อยากกลับมาใช้รถสันดาป

ราคารถยนต์ไฟฟ้า (BEV) มือสองในสหรัฐอเมริกาพบว่ามีค่าเฉลี่ยต่ำกว่ารถยนต์สันดาปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แถมผู้บริโภคยังมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่รถยนต์ระดับพรีเมียมอย่างที่ผู้ผลิตพยายามสื่อสารมาโดยตลอด

หากมองย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้ามือสองจะสูงกว่าราคาเฉลี่ยของรถยนต์สันดาปมือสองประมาณ 25% ขึ้นไป แต่ล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาพบว่า ราคาเฉลี่ยของรถอีวีมือสองกลับร่วงต่ำกว่ารถสันดาปมือสองสูงถึง 8% โดยรายงานดังกล่าวมาจากผลสำรวจของเว็บไซต์ iSeeCars ที่ได้รวบรวมข้อมูลจากรถยนต์มือสองอายุตั้งแต่ 1-5 ปี จำนวนกว่า 2.2 ล้านคัน

ผลสำรวจดังกล่าวยังได้ข้อสรุปด้วยว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา รถยนต์สันดาปจะมีมูลค่าลดลงอยู่ระหว่าง 3-7% ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าจะมีมูลค่าลดลงมากถึง 30-39% เลยทีเดียว

Karl Brauer นักวิเคราะห์ของ iSeeCars ระบุในรายงานเพิ่มเติมว่า "เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ที่มองหารถยนต์มือสองจะไม่ยอมเสียเงินมากกว่าปกติเพื่อเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าอีกต่อไป" อีกทั้งยังมองว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าสนใจลดลง และยังมีคุณค่าที่ไม่สามารถเทียบได้กับรถยนต์สันดาป

รายงานของ iSeeCars ระบุอีกว่าราคามือสองเฉลี่ยของ Tesla Model 3 เคยสูงกว่า BMW 3 Series อยู่ราว 2,635 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 97,000 บาท เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว แต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้กลับมีราคามือสองเฉลี่ยต่ำกว่าถึง 4,800 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 175,000 บาทเลยทีเดียว

เหตุผลยอดฮิตที่ไม่ต้องการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 เนื่องจากมีราคาสูงเกินไปคิดเป็น 45% ตามด้วยความกังวลเกี่ยวกับการชาร์จคิดเป็น 33% และความกังวลเกี่ยวกับระยะทางขับขี่คิดเป็น 29%

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจดังกล่าวรวบรวมข้อมูลจากผู้เข้าร่วมวิจัยเพียง 9 ประเทศเท่านั้น คือ จีน, สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, นอร์เวย์, อิตาลี, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบราซิล จึงไม่อาจสะท้อนความคิดเห็นในภาพรวมของตลาดทั่วโลกได้อย่างสมบูรณ์

 

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง