Nissan Serena e-POWER (Gen 6) ราคาเริ่มต้น 1.4 ล้านบาท เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่อินโดนีเซีย
Nissan Serena e-POWER (Gen 6) ราคาเริ่มต้น 1.4 ล้านบาท เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่อินโดนีเซีย

ล่าสุด นิสสันประเทศไทยเตรียมนำเอารถอเนกประสงค์เอ็มพีวี Serena กลับมาทำตลาดอีกครั้ง ล่าสุดได้มีการเปิดตัว All-new Nissan Serena e-POWER (Gen 6) อย่างเป็นทางการที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีให้เลือก 1 รุ่นย่อย คือ e-POWER Highway Star A/T ราคาจำหน่ายคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,400,000 บาท 

การออกแบบของ Nissan Serena มากับขนาดตัวถังที่มีความยาว 4,690 มม., กว้าง 1,715 มม., สูง  1,895 มม. โดยจะมีฐานล้ออยู่ที่ 2,870 มม. โดยมีระยะต่ำสุดถึงพื้นอยู่ที่ 135 มม. และการออกแบบที่เป็นมิตรพร้อมคุณภาพระดับพรีเมียม 

ดีไซน์ภายนอกของ Serena มากับกระจังหน้าและชุดไฟหน้าแบบ LED ที่ผสมกันอย่างกลมกลืน ทั้งยังมากับประตูสไลด์ไฟฟ้า ส่วนฝาท้ายก็สามารถเปิดขึ้นได้ทั้งบาน หรือจะเลือกเปิดแค่ส่วนกระจกได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการเปิดในพื้นที่แคบ และเบาะนั่งแถวที่ 3 ยังสามารถพับเก็บแบบแขวนติดกับผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ส่วนสีตัวถังมีให้เลือกทั้งหมด 14 สี รวมถึงสีทูโทน 4 สี ในญี่ปุ่น


ภายในห้องโดยสาร มากับห้องโดยสารที่มีเบาะนั่ง 3 แถว ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 7-8 ที่นั่ง และมีการติดตั้งมาตรวัดแบบ Digital ซึ่งเป็นหน้าจอสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว และยังมีระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า หรือ Head-up Display ส่วนหน้าจอมัลตีมีเดียจะเป็นระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 11 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ HDMI และหน้าจอที่ควบคุมเครื่องปรับอากาศแบบ Digital และปุ่มปรับเกียร์แบบปุ่มกดที่ใช้งานง่าย เบาะนั่งคู่หน้า และ ช่อง USB เพื่อชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า ส่วนเบาะที่นั่งจะเป็นแบบกันน้ำ เหมาะสำหรับครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง โดยจะมีพื้นที่วางขาคนขับเพิ่มเติม 120 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และตรงที่วางที่สามารถรองรับกล่องกระดาษแข็งขนาด 500 มล.

เครื่องยนต์ Serena จะมากับเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร (รหัส HR14DDe-EM57) ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมระบบ e-POWER เจเนอเรชันที่ 2 ให้อัตราเร่งที่ทรงพลังและนุ่มนวลยิ่งขึ้นพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่น้อยลง ด้วยกำลังสูงสุดถึง 98 แรงม้า และแรงบิด 123 นิวตันเมตร ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ พร้อมเทคโนโลยีการจัดการพลังงานที่ควบคุมเวลาสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ตามความเร็วของรถ, สภาพการจราจร ฯลฯ ส่งผลให้ห้องโดยสารเงียบขึ้น และยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Standard, ECO และ Sport และสำคัญเทคโนโลยี e-Pedal ก็มีมาให้ด้วย

สำหรับเทคโนโลยีที่จะอยู่ใน Serena นั้นก็จะมีทั้ง ระบบ Kick Activated เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และระบบ ProPILOT 2.0 ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง หรือ ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ, ระบบบังคับพวงมาลัยเพื่อหลีกเลี่ยงการชน (บนถนนที่ความเร็ว 40 กม./ชม.), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า ฯลฯ และยังได้นำแนวทางวิทยาศาสตร์ในการลดอาการเมารถมาปรับใช้ใน Serena ก็คือมุมมองที่เปิดกว้างจากภายในรถและการวางตำแหน่งจอภาพที่เหมาะสมที่สุด, การออกแบบเบาะนั่งใหม่ทั้งหมด, โครงสร้างรถที่ลดการสั่นสะเทือนที่ความเร็วสูง

 

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง