ฟิสเกอร์ (Fisker) สตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐฯ กำลังถูกจับตามอง หลังมีรายงานว่าส่งเอกสารล้มละลายไป เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเทขายสินทรัพย์ที่มีเหลืออยู่ เพื่อระดมเงิน โดนตอนนี้สต็อครถยนต์ราว 3 พันคันเลยทีเดียว
ล่าสุด มีรายงานอีกว่า Fisker ได้เซ็นสัญญาซื้อขายกับ American Lease ผู้ให้บริการลีสซิ่งเรียบร้อยแล้วอีกด้วย โดยจะมีการเทขายรถยนต์เป็นจำนวนทั้งหมด 3,231 คัน ในราคาที่ต่ำมากๆ เพียงหลักแสน หรอืต่ำกว่านั้น ในขณะที่ราคาเริ่มต้นก่อนหน้านี้ก็หลักล้านบาทไปแล้วนั่นเอง
โดยรถยนต์ที่ยังเหลือในสต็อคของ Fisker แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ประเภทแรกรถยนต์ใหม่พร้อมใช้งาน มีจำนวนทั้งสิ้น 2,711 คัน ราคาจำหน่ายอยู่ที่คันละ 16,500 USD ราว 596,000 บาท
ประเภทถัดไปเป็นรถยนต์ที่ผ่านการจดทะเบียนแล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 351 คัน ราคาขายต่อคันอยู่ที่ 13,300 USD ราว 481,000 บาท
ประเภทสุดท้ายคือรถยนต์ที่มีความเสียหาย ต้องรับการซ่อมแซมก่อนทั้งภายนอก ภายใน ราคาซ่อมอาจสูงกว่า 5,000 USD หรือราว 180,000 บาท ราคาเริ่มต้นขายต่อคัน คือ 2,500 USD หรือราว 90,000 บาท
สำหรับเงื่อนไขการซื้อขาย ระบุไว้ชัดเจนว่าจะไม่มีการรับประกันคุณภาพใดๆ นอกจากนี้ก็ยังมีเงื่อนไขอื่นอีกด้วยว่า Fisker จะให้ข้อมูล code ทั้งหมดรวมถึงงาน software ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้กับผู้ซื้อ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป แต่อย่างไรการซื้อขายต้องได้รับการอนุมัติจากภาครัฐเสียก่อน ถึงจะดำเนินการต่อไปได้ และมีการคำนวณว่ามูลค่าการซื้อขายในครั้งนี้อยู่ที่ 46,250,000 USD ราว 1,600 ล้านบาท
หากย้อนหลับไปดูราคาจำหน่ายของ Fisker ก่อนล้มละลายนั้นอยู่ที่ราว 40,000 - 70,000 USD หรือราว 1,447,000 - 2,532,000 บาท ส่งผลให้เกิดการวิจารณ์ที่ว่าการซื้อขายในครั้งนี้ที่มีราคาต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแน่นอนว่าราคาที่ต่ำลงอย่างมาก ยทำให้มูลค่าของ Fisker ในตลาดมือสองยิ่งไร้มูลค่า ซึ่งการเทขายในครั้งนี้ จะเป็นที่น่าพอใจกับเป้าหมายหรือไม่ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป