หลังจากที่ Apple (แอปเปิล) แบรนด์เทคโนโลยีผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก มีโครงการ Project Titan จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับมานานนับ 10 ปีแล้ว ซึ่งโครงการก็ลุ่มๆ ดอนๆ ล่าสุดก็ถึงจุดจบ เมื่อโครงการนี้ถูกยกเลิกเรียบร้อยแล้ว ผลาญเงินไปเปล่าๆ กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท พร้อมกับอีกทีมงานกว่าสองพันคน ที่ได้รับผลกระทบ
และล่าสุดในเดือนที่ผ่านมา เพิ่งจะมีข่าวของ Apple ตั้งเป้าจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายในปี 2028 โดยจะมาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2+ ที่นำเสนอคุณสมบัติอัตโนมัติอันโดดเด่น เช่น ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ตรวจจับเส้นถนน และควบคุมให้รถของคุณอยู่ในเส้นทางเดินรถ และระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้
ซึ่งพนักงานจำนวนมากจากโครงการนี้ จะถูกย้ายไปยังแผนกปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของผู้ผลิต iPhone (ไอโฟน) ตามรายงานของ Bloomberg News รวมไปถึงการถูกเลย์ออฟอีกด้วย
โดยโครงการนี้ใช้เงินดำเนินการไปประมาณปีละ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท นั่นหมายความว่าโครงการนี้ใช้งานไปแล้วราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 36,000 ล้านบาท
มีรายงานว่าทีมงานรถยนต์ของ Apple เป็นที่รู้จักในนาม Special Projects Group ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Project Titan ของผู้บริหารระดับสูง Tim Cook
“นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและรอคอยมานาน” Ray Wang ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่ปรึกษา Constellation Research ในซิลิคอนวัลเลย์ กล่าวกับ BBC
“ความต้องการของตลาดสำหรับรถ EV ไม่ได้อยู่ที่นั่น และ AI ก็เป็นจุดที่ดำเนินการทั้งหมด” เขากล่าวเสริม
โดย Apple ได้สำรวจโอกาสอื่นๆ นอกเหนือจาก iPhone และคอมพิวเตอร์ รวมถึงชุดหูฟังความเป็นจริงเสมือน Vision Pro ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้
อีกทั้งความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าได้ชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมยังคงสูง ซึ่งทำให้ตลาดมีการแข่งขันกันมากขึ้น เนื่องจากผู้เล่นรายใหญ่พยายามเอาชนะใจลูกค้า นี่อาจจะเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ Apple ถอยจากวงการรถ EV ดีกว่า!
แหล่งที่มาจาก
- BBC