Ford Europe (ฟอร์ด ยุโรป) เปิดตัว Ford Puma (ฟอร์ด พูม่า) รุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ที่หลายคนตั้งตารอ แม้ว่ารูปโฉมภายนอกอาจไม่ต่างจากเดิม แต่ห้องโดยสารภายในได้รับการอัปเกรดใหม่หลายจุด
โดยรูปทรงภายนอกตัวรถใช้กราฟิกชุดไฟหน้า LED ใหม่ ย้ายตำแหน่งสัญลักษณ์ Ford ภายในกระจังหน้าที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้ Puma ดูเหมือน Fiesta ที่เลิกผลิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม Ford Europe จะได้เลิกผลิตเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแบบเกียร์ธรรมดาในรุ่นเครื่องยนต์สันดาปไปแล้ว เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้มีในรุ่น ST ที่เน้นความสปอร์ต ส่งผลให้รุ่นเกียร์อัตโนมัติ Mild Hybrid ขนาด 1.0 ลิตร เป็นตัวเลือกที่เหลืออยู่เพียงรุ่นเดียว มีให้เลือก 3 ขุมพลัง จนกว่ารุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบจะเปิดตัวในปี 2024
ห้องโดยสารภายใน ทาง Ford ได้ปรับเปลี่ยนหน้าจอระบบ Infotainment แบบลอยตัวของรุ่นที่ส่งออก แทนที่ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้วที่ใหญ่กว่า พร้อมระบบ SYNC4 ล่าสุดของ Ford รวมไปถึงหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.8 นิ้วใหม่ ที่ยกมาจากพี่น้อง Tourneo Courier เชื่อมต่อ 5G และ Alexa ในตัว
อีกทั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ รวมถึงเพิ่มฟังก์ชั่น Lane Centering และ Predictive Speed Assist บนระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้
โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ Turbo ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า พร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร แบบ 3 สูบ Mild Hybrid ให้กำลังสูงสุด 168 แรงม้า ซึ่งจับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 7 สปีดโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ยังมีระบบส่งกำลังแบบเดียวกันในเวอร์ชันที่ทรงพลังน้อยกว่าพร้อมระบบ Mild Hybrid 48V ให้กำลังสูงสุด 123 แรงม้า หรือ 153 แรงม้า เหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม มีเพียงรุ่นที่ทรงพลังน้อยที่สุดเท่านั้นที่มีเกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยในรุ่นพลังงานไฟฟ้า คาดว่าจะมาในชื่อ Puma Gen-E
สำหรับ Ford Puma รุ่นปรับโฉมใหม่มีให้เลือกในรุ่น ST, ST-Line X, ST-Line และ Titanium ในขณะที่โทนสีตอนนี้มีเฉดสี Cactus Grey ในหกเฉดสีที่มีให้เลือก
โดย Ford Puma รุ่นไมเนอร์เชนจ์ทุกรุ่น จะผลิตที่โรงงาน Ottoman ของ Ford ในตุรกี และจะวางจำหน่ายในตลาดยุโรปเร็วๆ นี้
แหล่งที่มาจาก
- Carscoops