หลังจากที่ Ford (ฟอร์ด) ได้ตัดสินใจยกเลิกการทำตลาด Ford Transit Connect (ฟอร์ด ทรานซิท คอนเน็ค) ในอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว ส่วนในเวอร์ชั่นยุโรป ก็ถึงเวลาปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์กันใหม่แล้วครับ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบปลั๊กอินไฮบริดที่มีอยู่ใน Ford Transit Connect ใหม่ ถือเป็นก้าวสำคัญไปข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การออกแบบไม่ได้ดูโดดเด่นมากนัก เนื่องจากมีกระจังหน้าแบบกว้าง ไฟหน้าแบบตวัดไปด้านหลัง และตัวถังที่เหมือนกับโฉมก่อน
สำหรับ Ford Transit Connect มีให้เลือกทั้งในรุ่นฐานล้อสั้นและยาว รวมถึงตัวเลือก 2 ที่นั่ง และรุ่น 5 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งแบบ Trend, Limited และ Active
Ford กล่าวว่า "การออกแบบพื้นที่บรรทุกของ Transit Connect แบบใหม่ ช่วยเพิ่มปริมาณการบรรทุกได้ 3.1 ลบ.ม. หรือ 3.7 ลบ.ม. ขึ้นอยู่กับตัวเลือกฐานล้อ" รวมไปถึงมีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 820 กก. และความสามารถในการลากจูงสูงสุด 1,500 กก.
ห้องโดยสารภายใน ตกแต่งด้วยพลาสติกเพื่อเน้นการลดต้นทุน แต่ก็มาพร้อมกับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10 นิ้วและหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 10 นิ้ว ส่วนคอนโซลกลางยังมีแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย เช่นเดียวกับเบาะนั่งคู่หน้าแบบปรับอุณหภูมิได้ และพวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิได้
อย่างไรก็ตาม รถรุ่นนี้ยังมีความโดดเด่นมากกว่าในเรื่องแนวคิด "ที่นั่งแบบยืดหยุ่น" ในรุ่น Kombi 5 ที่นั่ง ซึ่งดึงดูดลูกค้าที่ใช้งาน 2 รูปแบบ เบาะนั่งหลังสามารถพับได้ในแนวตั้งและเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อเปลี่ยน Transit Connect จากรถนั่ง 5 ที่นั่ง ไปเป็นรถ 2 ที่นั่งได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่ง Ford กล่าวว่า การพับเบาะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที และเมื่อพับเบาะ เบาะหลังจะกลายเป็น "แผงกั้นป้องกันเต็มความสูง"
ในครั้งนี้ขุมพลังมาพร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost ขนาด 1.5 ลิตร แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 6 จสปีด ให้กำลังสูงสุด 148 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
อีกทั้งระบบส่งกำลังปลั๊กอินไฮบริด สามารถวิ่งในไฟฟ้าเพียวๆ ได้ไกลถึง 110 กม. และเมื่อแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จโดยใช้ปลั๊กไฟ AC หรือเครื่องชาร์จแบบเร็ว DC ขนาด 50 kW
และ Ford ยังกล่าวอีกว่า ระบบส่งกำลังปลั๊กอินไฮบริดจะมีโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ EV Auto, EV Now และ EV Late ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดได้
นอกจากนี้ Ford Transit Connect ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ EcoBlue ขนาด 2.0 ลิตร โดยในรุ่นเริ่มต้นมีกำลังสูงสุด 102 แรงม้า เชื่อมต่อกับเกียร์ธรรมดา 6 จัสปีด ส่งกำลังผ่านไปยังล้อหน้า ขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะให้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 122 แรงม้า และสามารถจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด ได้
ฃนอกเหนือจากระบบส่งกำลังแล้ว Ford Transit Connect โฉมไมเนอร์เชนจ์นี้ ยังมาพร้อมกับ "ชุดระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงที่ครบครันที่สุดเท่าที่เคยมีมา"
สำหรับ Ford Transit Connect จะเริ่มผลิตในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ และการส่งมอบรุ่นดีเซลมีกำหนดจะเริ่มในช่วงกลางปี 20254 ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2024 ขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และรุ่น Kombi จะเปิดตัวในต้นปี 2025
แหล่งที่มาจาก
- Carscoops