Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) ปรับโฉม Volkswagen Golf (โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ) อีกรถรุ่นหนึ่งในตำนานของค่าย VW ทั้งตัวถัง Hatchback และ Variant หรือแวกอน นับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2019 ประกอบกับจังหวะเดียวกับที่ Volkswagen กำลังจะเฉลิมฉลองการผลิตรถรุ่นนี้ครบ 50 ปี
ซึ่งรวมถึงอาจบอกลาเครื่องยนต์สันดาปของรถรุ่นนี้ เนื่องจากจากในโฉมเจเนอเรชั่นถัดไป มีความเป็นไปได้สูงที่ Golf จะเปลี่ยนไปเป็นแบบรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว
รูปลักษณ์ภายนอกของ Volkswagen Golf โฮมไมเนอร์เชนจ์นี้ ปรับการออกแบบใหม่ทั้งชุดไฟหน้าแบบ LED ใหม่ โดยรุ่น Top สุด มาพร้อมกับไฟหน้า IQ.LIGHT LED โดยมีไฟหลักที่ส่องสว่างไกลได้ถึง 500 เมตร พร้อมโลโก้เรืองแสงเป็นออฟชั่นให้เลือก ส่วนด้านหลังมาพร้อมชุดไฟท้ายแบบ IQ.LIGHT 3D LED เช่นกัน
ห้องโดยสารภายในอัปเกรดจอแสดงข้อมูลผู้ขับขี่ใหม่ ขนาด 10.2 นิ้ว ที่มีรูปแบบการแสดงข้อมูลได้ระหว่างแบบ Classic ที่มี 2 มาตรวัดทรงกลม หรือแบบ Progressive
พร้อมกับอัปเกรดระบบ Infotainment ใหม่ ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมปรับภาพกราฟฟิกและเมนูใหม่บนจอแบบลอยตัว ขนาด 10.4 นิ้วหรือ 12.9 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ในเวอร์ชั่นยุโรปยังมาพร้อมกับผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียงที่ใช้ ChatGPT ในการทำงาน
นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยขับขี่ใหม่อย่าง Park Assist Plus ติดตั้งมากับรถ ซึ่งทำให้เมื่อขับรถผ่านพื้นที่จอดรถ จะมีการตรวจจับพื้นที่จอดว่ามีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับการจอดรถหรือไม่ แล้วเริ่มกระบวนการจอดรถ
โดยการควบคุมพวงมาลัย คันเร่ง และเบรกให้ และการทำงาน Park Assist Pro ที่ผู้ขับสามารถควบคุมการเข้า-ออกที่จอดรถได้ผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวกเมื่อจอดรถในที่คับแคบ
ส่วนขุมพลังนั้นมาทั้งแบบเบนซินแบบ Mild Hybrid eTSI 114 แรงม้า และ 147 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ DSG แบบ 7 สปีด บนระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หากคุณต้องการเครื่องยนต์ที่มีเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ก็ยังมีให้เลือกเช่นกัน เพียงแต่จะไม่ใช่ระบบ Mild Hybird พร้อมกับให้กำลังเครื่องยนต์ยังคงเท่าเดิม
Volkswagen Golf รุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้นังมีระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด eHybrid ใหม่อีกด้วย ซึ่งให้ระยะทางในการขับขี่เพิ่มขึ้นเกือบ 70% พร้อมกับมีกำลังเพิ่มขึ้นถึง 201 แรงม้า
สิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับรุ่น PHEV นั่นคือ ขนาดแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นความจุจากจาก 10.6 kWh เป็น 19.7 kW (และรองรับอัตราการชาร์จจาก เดิม 3.6 kW เป็น 11 kW) ขยายระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าเพียวๆ จากเดิมเพียงแค่ 61 กม. เป็น 100 กิโลเมตร อีกทั้งยังรองรับการชาร์จเร็วไฟฟ้ากระแสตรง DC
ในขณะที่รุ่น GTE แบบสปอร์ต ให้กำลังสูงสุด 268 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ DSG แบบ 6 สปีด บนระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดยตัวเลขกำลังของ GTE เพิ่มขึ้น 26 แรงม้า จากรุ่นก่อน
ดีเซลยังคงปรากฏตัวให้เห็น แม้ว่า Volkswagen จะไม่ได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ทั้งสองแบบก็ตาม สำหรับรุ่นพื้นฐาน 2.0 TDi ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ในขณะที่ TDI ที่ทรงพลังกว่าให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ DSG แบบ 7 สปีด เช่นเดียวกับ Golf ทุกรุ่นที่วางจำหน่าย บนระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
และรุ่นสปอร์ตทรงพลัง GTI ได้รับการเพิ่มแรงม้าขึ้นจาก 242 แรงม้า เป็น 262 แรงม้า แต่ที่น่าเศร้าคือมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ DSG แบบ 7 สปีดเท่านั้น โดยรุ่นเกียร์ธรรมดาเลิกผลิตไปเนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานมลพิษ Euro 7 ที่เข้มงวด
สำหรับ Volkswagen Golf Mk8 โฉมไมเนอร์เชนจ์ทั้งตัวถัง Hatchback และ Variant จะขายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2024 นี้ โดยยังไม่ได้เปิดเผยราคารถแต่อย่างใด
แหล่งที่มาจาก
- Carscoops