Mazda (มาสด้า) เผย ในอนาคตจะแบ่งปันระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ภายในรถยนต์ ที่พัฒนาร่วมกับ Toyota (โตโยต้า) แบ่งปันเทคโนโลยีเกี่ยวกับฟังก์ชันการเร่งความเร็ว และการควบคุมความปลอดภัยในรถยุคหน้า ซึ่งจะช่วยให้ Mazda ลดต้นทุนการพัฒนาได้มากถึง 80%
ทาง Nikkei Asia รายงานว่า Mazda ขณะนี้กำลังร่วมกับ Toyota พัฒนาระบบในรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเปิดตัวในปี 2027 ของ Mazda คาดว่า 90% ของระบบเหล่านี้จะเหมือนกับของ Toyota ซึ่งไม่เพียงระบบปฏิบัติการของระบบ Infotainment และจอแสดงผลสำหรับคนขับเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ และชุดสายไฟด้วย โดยคาดว่าจะเป็น Arene ของ Toyota
Mazda เชื่อว่าความร่วมมือกับ Toyota จะช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาระบบในรถยนต์ได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับการพัฒนาระบบต่างๆ ในรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตัวเอง ผู้ผลิตรถยนต์บางรายและซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ มีใช้จ่ายประมาณ 300 พันล้านเยนต่อปี ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพียงอย่างเดียว
ซึ่งการประหยัดต้นทุนของ Mazda อาจมีมูลค่าหลายแสนล้านเยน ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาลงประมาณ 70-80%
ความสำคัญของระบบปฏิบัติการเหล่านี้ จะมีมากขึ้นในอนาคต เมื่อผู้ผลิตรถยนต์ต้องการขายคอนเทนต์ เช่น ภาพยนตร์และเพลง หรือการนำเสนอแอปช่วยเหลือในการขับขี่ และการนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับเจ้าของรถ
โดยในเวลานี้ ทั้ง Toyota, Honda และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ในญี่ปุ่น กำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการในรถยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวภายในปี 2025 ในขณะที่ Volkswagen ได้เริ่มรวม VW.OS เข้ากับ EVs Tesla ได้เปิดตัวระบบที่ช่วยให้ลูกค้าอัปเดตระบบปฏิบัติการแบบไร้สายหลังจากซื้อรถยนต์มาเพื่ออัปเดตฟังก์ชันต่างๆ
ด้าน Boston Consulting Group ประมาณการว่า รถยนต์ที่มีคุณสมบัติและฟังก์ชันต่างๆ ที่ใช้งานผ่านซอฟต์แวร์เป็นหลัก จะสร้างมูลค่ามากกว่า 650 พันล้านดอลลาร์ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในปี 2030 หรือคิดเป็น 15-20% ของมูลค่ายานยนต์ทั่วโลก
แหล่งที่มาจาก
- Nikkei Asia