Xiaomi (เสี่ยวหมี) แบรนด์สมาร์ทโฟนที่ชาวโลกรู้จักกันดี เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย Xiaomi SU7 (ย่อมาจาก Speed Ultra) สเป็กระดับ Supercar ซึ่งตัวรถจะถูกผลิตตามสัญญาโดยบริษัท Beijing Automotive Industry Holding Co. Ltd หรือ BAIC ซึ่งก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อรหัส MS11 ที่เป็นข่าวไปเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
รูปลักษณ์ภายนอกมาในสไตล์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง Cd = 0.195 (ในรุ่นที่ไม่มีกล้อง LiDAR) ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดารถยนต์ที่ใช้งานจริง พร้อมกล้องติดตั้งอยู่บนเสา B-Pillar ซึ่งใช้งานกับฟังก์ชั่นปลดล็อครถ จากการจดจำใบหน้า
และมีตัวเลือกสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ รวมถึงกล้อง LiDAR ส่วนล้ออัลลอยมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ขนาด 19 - 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/45 R19 และ 245/40 R20 ตามลำดับ
โดย Xiaomi SU7 ได้รับการออกแบบโดยทีมงานโดยมี Li Tianyuan หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Xiaomi ซึ่งเคยร่วมงานกับ BMW มาก่อน ซึ่งเขารับผิดชอบการออกแบบรถต้นแบบ BMW i Vision Circular, BMW iX และ Series-7 ใหม่ ส่วนผู้ออกแบบภายนอกรถ คือ James Qiu ซึ่งเคยร่วมงานกับ Mercedes-Benz ซึ่งเคยดูแลการออกแบบรถต้นแบบ Vision EQXX มาก่อน
อีกทั้งยังมาพร้อม 5 เทคโนโลยีหัวใจสำคัญของรถ EV ในยุคหน้า ได้แก่ E-Motor กับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ HyperEngine, แบตเตอรี่แบบ CTB ที่ต่อกับโครงสร้างรถยนต์, โครงสร้างตัวรถแบบ Hypercasting, ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และ Smart Cabin ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ HyperOS
มิติตัวรถยาว 4,997 มม. กว้าง 1,963 มม. สูง 1,455 มม. และระยะฐานล้อ 3,000 มม.
ส่วนห้องโดยสารภายใน มาพร้อมหน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาด 16.1 นิ้ว ความละเอียด 3K พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7.1 นิ้ว สำหรับคนขับ และหน้าจอด้านหลัง 2 จอ สำหรับผู้โดยสาร ซึ่งจริงๆ แล้วคือแท็บเล็ต Xiaomi ที่เรียกว่า Mi Pads
อีกทั้งยังติดตั้งหน้าจอ HUD ขนาด 56 นิ้ว พร้อมกับระบบปฏิบัติการ HyperOS ที่ขับเคลื่อนโดยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 กับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (ADAS) Xiaomi Pilot ขับเคลื่อนโดยชิป Nvidia Orin-X สองตัว ที่มีพลังการประมวลผล 508 TOP
อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บของบริเวณฝากระโปรงหน้ามากถึง 105 ลิตร และในด้านท้ายรถถึง 517 ลิตร
ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ มาพร้อม Xiaomi Pilot ADAS ซึ่งมีติดตั้งกล้อง LIDAR หนึ่งตัว, เรดาร์คลื่น 3 มิลลิเมตร, กล้อง HD 11 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ระบบขับขี่อัตโนมัติ ประกอบด้วยการขับขี่บนทางหลวง ระบบจอดรถด้วยตนเอง และการเรียกรถ รวมถึงการขับรถในเมือง จะสามารถใช้งานได้ภายในสิ้นปี 2024 กว่า 100 เมืองในประเทศจีน
ระบบส่งกำลังมีให้ 2 ตัวเลือก ได้แก่ รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 299 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 210 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.28 วินาที, ให้ระยะทางวิ่งได้ถึง 668 กิโลเมตร เมื่อชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC) และระยะเบรก 100-0 กม./ชม. ใน 35.5 เมตร
และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสูงสุด 673 แรงม้า (PS) โดย Xiaomi SU7 แรงบิดสูงสุด 838 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 265 กม./ชม. ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.78 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลา 10.67 วินาที ให้ระยะทางวิ่งได้ถึง 668 กิโลเมตร เมื่อชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC) และระยะเบรก 100-0 กม./ชม. ใน 33.3 เมตร
มาพร้อมชุดแบตเตอรี่แบบ Qilin NMC ของ CATL ขนาดความจุ 101 kWh พร้อมระบบชาร์จเร็ว DC ที่ชาร์จเพียง 10 นาที ก็ได้ระยะทางวิ่งถึง 390 กิโลเมตร
น้ำหนักตัวรถรุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 1,980 กก. ทำความเร็วได้สูงสุด 210 กม./ชม. (จำกัดความเร็ว) ส่วนรุ่น Top มีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 2,205 กก. และทำความเร็วได้สูงสุด 265 กม./ชม.
Xiaomi SU7 มีสีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ สีฟ้า Aqua Blue, สีเขียว Vendant Green และสีเทา Mineral Gray
สำหรับ Xiaomi SU7 มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย SU7, SU7 Pro และ SU7 Max ราคาเริ่มต้นคาดว่าจะต่ำกว่า 300,000 หยวน หรือประมาณ 1,487,000 บาท พร้อมส่งมอบรถในช่วงต้นปี 2024 นี้
แหล่งที่มาจาก
- CarNewsChina