เราต่างรู้กันว่า ญี่ปุ่น สามารถครองตลาดส่งออกรถยนต์มานานหลายทศวรรษ เช่นเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนี และเกาหลีใต้ ที่ส่งออกรถยนต์จํานวนมากไปขายต่างประเทศ แต่ล่าสุด จีนกำลังก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกครั้งแรก เนื่องจากการส่งออกที่มากขึ้นไปรัสเซียและเม็กซิโก และอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลก ที่กำลังเติบโต

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน จีนส่งออกรถยนต์ไปกว่า 4.41 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 58% จากช่วงเดียวกันของปี 2022 ในทางตรงกันข้าม ญี่ปุ่นส่งออกรถได้ 3.99 ล้านคัน ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2023 เพิ่มขึ้น 15% คาดว่าทั้งปีของญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 4.3 ล้าน

จีนตั้งเป้าที่จะเป็นมหาอำนาจด้านยานยนต์ และมองว่าการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า เป็นหนทางในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อีกทั้งตลาดรัสเซียยังช่วยส่งเสริมผู้ส่งออกรถจากจีนอีกด้วย จากการถอนตัวของผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นและค่ายรถยุโรปตะวันตก เป็นประโยชน์ต่อคู่แข่งจากจีน

จีนส่งออกรถยนต์จำนวน 730,000 คันไปยังรัสเซียระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 7 เท่าจากปี 2022 และอันดับ 2 ส่งออกไปยังเม็กซิโกถึง 330,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 71% โดนรถจีนกำลังสร้างฐานลูกค้าในเม็กซิโก เพื่อใช้เป็นหลักในการขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกาในที่สุด และตลาดแคนาดา

ส่วนการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานใหม่อื่นๆ เพิ่มขึ้น 77% จากปีที่แล้วเป็น 1.43 ล้านคันในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม ตามข้อมูลของ CAAM หมวดหมู่ยานพาหนะคิดเป็น 34% ของการส่งออกรถยนต์ทั้งหมดในช่วงเดือนดังกล่าว

การส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่ส่วนใหญ่ของจีน มุ่งหน้าไปยังยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Tesla (เทสลา) ซึ่งมีการดำเนินงานในจีน และ BYD (บีวายดี) ซึ่งเป็นผู้ผลิต EV ชั้นนำอันดับ 2 ของโลก กำลังผลักดันการส่งออกเหล่านี้

โดยค่ายรถจีนได้ขยายการส่งออกไปยัง ASEAN ซึ่งมีค่ายรถญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งการตลาดขนาดใหญ่ แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าโดยผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดลดลง

“จากนี้ไป นี่จะกลายเป็นยุคของการต่อสู้กับญี่ปุ่นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีนกล่าว

แหล่งที่มาจาก
- Nikkei Asia